ประวัติในการก่อตั้งสโมสรแอตมาดริด
ชื่อเต็ม : กลุบอัตเลติโกเดมาดริด
ฉายา : Los Colchoneros (The Mattressers) Los Rojiblancos (The Red-and-Whites)
สนาม : เอสตาดีโอเมโตรโปลีตาโน, มาดริด (ความจุ: 67,703 ที่นั่ง
ประธานสโมสร : เอนริเก เซเรโซ
ผู้จัดการทีม : ดิเอโก ซิเมโอเน
ลีก : ลาลิกา 2019–20 อันดับที่ 3
สโมสรก่อตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1903 ในชื่อ แอทเลติกคลับเดมาดริด โดยนักศึกษาชาวบาสก์ที่อาศัยอยู่ในกรุงมาดริด ได้ลงเล่นนัดแรกอย่างเป็นทางการในนัดที่เจอกับอัตเลติกเดบิลบาโอในชุดสีน้ำเงินและสีขาว แต่ต่อมาในปี 1911 สโมสรได้ใช้ชุดในสีแดงและขาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชุดเหย้าของสโมสรมาจนถึงปัจจุบัน
สโมสรในยุคปัจจุบัน ( 2000-ปัจจุบัน )
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 อัตเลติโกเดมาดริดเริ่มกลับมาเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการฟุตบอลสเปนอีกครั้ง หลักจากที่ได้แชมป์เซกุนดาดิบิซิออน ในปี 2002 ในยุคที่ ลุยส์ อาราโกเนส ซึ่งทั้งเคยเป็นตำนานของสโมสรและเป็นผู้จัดการทืมคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จกับสโมสรซึ่งเคยคุมสโมสรตั้งแต่ปี 1974 และเขาก็ได้กลับมาคุมทีมอีกครั้งในปีเดียวกัน เขาได้นำอัตเลติโกเดมาดริดขึ้นมาอยู่ในดิวิชันแรก (ลาลิกาในปัจจุบัน) และเป็นคนที่ให้โอกาสเฟร์นันโด ตอร์เรสได้ลงเล่นในลาลิกาครั้งแรกในชีวิตของเขา ซึ่งเป็นนัดที่พบกับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาที่กัมนอว์ และจบผลด้วยสกอร์ 2-2
ในปี 2006 สโมสรได้เซ็นสัญญากับกอชตินยาและมานีชีนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส รวมทั้งเซร์คีโอ อะกูเอโร กองหน้าชาวอาร์เจนตินา ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2007 สโมสรได้ขายตอร์เรสให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลทีมยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ แลกกับจำนวนเงิน 26 ล้านปอนด์ และได้ลุยส์ การ์ซีอาที่ย้ายจากลิเวอร์พูลมาอยู่กับสโมสรแทนโดยการย้ายแบบค่าตัวฟรี แลจากนั้นสโมสรได้เซ็นสัญญากับเดียโก ฟอร์ลัน นักเตะตำแหน่งกองหน้าชาวอุรุกวัย ด้วยจำนวนเงิน 21 ล้านปอนด์จาก สโมสรฟุตบอลบิยาร์เรอัล พร้อมปล่อยตัวมาร์ติน เปตรอฟ นักเตะชาวบัลแกเรียให้กับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีไป 7 ล้านปอนด์ และได้เซ็นสัญญากับนักเตะชื่อดังชาวโปรตุเกสอย่างซีเมา ซาบรอซา จากสปอร์ลิชบัวอีไบฟีกา และในวันที่ 29 มิถุนายน สโมสรได้เซ็นสัญญากับอันโตนีโอ เรเยส ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์
ในฤดูกาล 2007-08 สโมสรได้เริ่มประสบความสำเร็จในการแข่งขันของยุโรปมากขึ้น โดยสามารถผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันยูฟ่าคัพ แต่ก็ต้องแพ้ให้กับสโมสรฟุตบอลโบลตันวันเดอเรอส์ การแข่งขันภายในประเทศในถ้วยโกปาเดลเรย์ก็เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายและแพ้ต่อสโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย และในฤดูกาลนี้สโมสรจบในอันดับที่ 4 และได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในรอบคัดเลือกฤดูกาลหน้า โดยมีนักเตะตัวหลักและสำคัญมากมายในฤดูกาลนี้ เช่น เซร์คีโอ อะกูเอโร, เดียโก ฟอร์ลัน, ซีเมา ซาบรอซา, มักซี โรดรีเกซ และผู้รักษาประตูอย่างเลโอ ฟรานโก
ต่อมาในฤดูกาล 2008-09 สโมสรได้ลงเล่นแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกหลังจากปี 1997 โดยในรอบคัดเลือกรอบที่ 3 เจอกับสโมสรฟุตบอลชัลเคอ 04 จากเยอรมนี ซึ่งรวมผลทั้งสองนัด (เหย้า-เยือน) ชนะไป 4-1 หลังจากนั้นได้เข้ามาอยู่ในรอบแบ่งกลุ่มซึ่งเจอกับสโมสรที่เป็นยักษ์ใหญ่ของแต่ละประเทศทั้งสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล, พีเอสวี ไอน์โฮเฟน, ออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ แต่สโมสรก็สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม แต่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย สโมสรได้แพ้ให้กับสโมสรฟุตบอลโปร์ตูด้วยกฎประตูทีมเยือน 2-2 จึงทำให้ตกรอบแชมเปียนส์ลีก หลังจากตกรอบแชมเปียนส์ลีก สโมสรได้เสริมทัพด้วยการซื้อนักเตะในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะเปิดในช่วงมกราคม ค.ศ. 2009 ด้วยการซื้อเกรกอรี กูแป ผู้รักษาประตูชาวฝรั่งเศส, จอห์น ไฮทิงกา กองหลังชาวดัตช์, โตมาช อุลฟาลูชี เซ็นเตอร์แบ็กตัวรับชาวเช็ก, เปาลู อาซุงเซา กองกลางตัวรับชาวบราซิล, เอเบร์ บาเนกา กองกลางตัวรับชาวอาร์เจนตินาซึ่งยืมตัวมาจากสโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย และกองหน้าชาวฝรั่งเศสอย่างฟลอร็อง ซีนามา ปงกอล
ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 คาเบียร์ อากีร์เร ได้ขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมของสโมสร หลังจากการเริ่มต้นในปี 2009 ด้วยการนำสโมสรชนะ 6 เกม โดยเขาอ้างว่าไม่ได้มีกรณีหรือเหตุการณ์ใด ๆ กับสโมสร ซึ่งในสื่อข่าวได้นำเสนอว่าเขาถูกยกเลิกสัญญามากกว่าการไล่ออก หลังจากนั้นแฟนบอลของสโมสรได้ออกมาประท้วงและโต้แย้งจากการลาออกของอากีร์เร โดยพวกเขาเชื่อว่าอากีร์เรไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับสโมสรทั้งสิ้น
ผลงานของทีมแอตมาดริด
ระดับประเทศ
- ลาลิกา ชนะเลิศ (10): 1939–40, 1940–41, 1949–50, 1950–51, 1965–66, 1969–70, 1972–73, 1976–77, 1995–96, 2013–14
- โกปาเดลเรย์ ชนะเลิศ (10):1960, 1961, 1965, 1972, 1976, 1985, 1991, 1992, 1996, 2013
- ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา ชนะเลิศ (2): 1985, 2014
- โกปาเดกัมเปโอเนสเดเอสปัญญา ชนะเลิศ (1): 1940
- โกปาเอบาดัวร์เต ชนะเลิศ (1): 1951
- โกปาเปรซีเดนเตเอเฟเอเอเฟ ชนะเลิศ (1): 1947
- เซกุนดาดิบิซิออนชนะเลิศ (1): 2001–02
ยุโรป ระดับทวีปยุโรป
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รองชนะเลิศ (3): 1973–74, 2013–14 , 2015–16
- ยูฟ่ายูโรปาลีก ชนะเลิศ (3): 2009–10, 2011–12, 2017–18
- ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ชนะเลิศ (1): 1961–62
- รองชนะเลิศ (2): 1962–63, 1985–86
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ ชนะเลิศ (3): 2010, 2012, 2018
- ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ ชนะเลิศ (1): 2007 รองชนะเลิศ (1): 2004
- ไอบีเรียนคัพ ชนะเลิศ (1): 1991
โลก ระดับโลก
- อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ ชนะเลิศ (1): 1974
สนามสโมสรแอตมาดริด
เอสตาดิโอเมโตรโปลิตาโน เดิมมีชื่อว่า สนามกีฬาแคว้นมาดริด เริ่มก่อสร้างเมื่อ ปี ค.ศ.1990 ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน กรีฑาชิงแชมป์โลก 1997 แต่ไม่ได้รับเลือก ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 4 ปีจึงเสร็จและเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กันยายน 1994 โดยมีความจุ 20,000 ที่นั่ง ต่อมาสนามถูกปิดเพื่อปรับปรุงสำหรับรองรับการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2016 แต่กรุงมาดริดก็ไม่ได้รับเลือกอีกเช่นกัน ในปี 2013 อัตเลติโกเดมาดริดได้ซื้อและเข้าปรับปรุงสนามโดยขยายความจุเป็น 66,703 ที่นั่ง
ผู้จัดการทีมแอตมาดริด
ดิเอโก ซิเมโอเน (สเปน: Diego Simeone; เกิดวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1970 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา; ชื่อเต็ม: ดิเอโก ปาโบล ซิเมโอเน (Diego Pablo Simeone)) ซิเมโอเนเริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 โดยได้ลงเล่นให้กับสโมสรใน 3 ประเทศคือ สเปน, อิตาลี และ อาร์เจนตินา ซิเมโอเนได้รับฉายาในสมัยที่ยังเล่นให้กับอัตเลติโกเดมาดริด ว่า “El Cholo” (คนบ้า) เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่วิ่งไปทั่วสนาม ต่อมาในปี ค.ศ. 2006 ซิเมโอเน ได้เปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้จัดการสโมสร โดยสโมสรแรกคือราซินเดซันตันเดร์ ปัจจุบันซิเมโอเนได้เป็นผู้จัดการและหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรเก่าของตนเองคือ อัตเลติโกเดมาดริด
ในปี ค.ศ. 2012 ซิเมโอเนนำอัตเลติโกเดมาดริดผ่านเข้ารอบชิงยูฟ่ายูโรปาลีก โดยพบกับอัตเลติกเดบิลบาโอ สโมสรจากสเปนเช่นเดียวกัน ซึ่งอัตเลติโกเดมาดริดชนะไป 3–0 คว้าแชมป์มาได้ถือเป็นแชมป์แรกที่ซิเมโอเนทำได้ในฐานะผู้จัดการและหัวหน้าผู้ฝึกสอนอัตเลติโกเดมาดริด และในฤดูกาล 2013–14 ซิเมโอเนนำพาอัตเลติโกเดมาดริดได้แชมป์ลาลิกา โดยสามารถบุกไปเสมอกับบาร์เซโลนา ได้ถึงสนามกัมนอว์ 1–1 ได้แชมป์ลาลิกาเป็นสมัยที่ 9 ของสโมสร และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการยุติการผูกขาดแชมป์ของทั้งบาร์เซโลนาและเรอัลมาดริด ซึ่งเป็นสองสโมสรชั้นนำของสเปนอีกด้วย
ผู้เล่นชุดปัจจุบันของทีมแอตมาดริด
เลขเสื้อ | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น |
1 | GK | โครเอเชีย | อิวอ เกร์บิช |
2 | DF | อุรุกวัย | โฆเซ ฆิเมเนซ |
3 | DF | สเปน | มานู ซันเชซ |
5 | MF | กานา | ทอมัส พาร์ทีย์ |
6 | MF | สเปน | โกเก (กัปตัน) |
7 | FW | โปรตุเกส | ฌูเวา แฟลิกส์ |
8 | MF | สเปน | ซาอุล ญิเกซ |
9 | FW | อุรุกวัย | ลุยส์ ซัวเรซ |
10 | FW | อาร์เจนตินา | อังเฆล กอร์เรอา |
11 | MF | ฝรั่งเศส | ตอมา เลอมาร์ |
12 | DF | บราซิล | เรนัง ลูดี |
13 | GK | สโลวีเนีย | ยัน ออบลัก |
14 | MF | สเปน | มาร์โกส โยเรนเต |
15 | DF | มอนเตเนโกร | สเตฟาน ซาวิช |
16 | MF | เม็กซิโก | เอกตอร์ เอร์เรรา |
17 | FW | เซอร์เบีย | อิวัน ชาปอนยิช |
18 | DF | บราซิล | เฟลีปี |
19 | FW | สเปน | ดิเอโก โกสตา |
20 | MF | สเปน | บิโตโล |
21 | MF | เบลเยียม | ยานิก การ์รัสโก |
22 | DF | สเปน | มาริโอ เอร์โมโซ |
23 | DF | อังกฤษ | คีแรน ทริปเปียร์ |
24 | DF | โครเอเชีย | ชีเม เวอร์ซาลย์คอ |
25 | FW | โครเอเชีย | นิคอลา คาลินิช |
26 | DF | อาร์เจนตินา | Nehuén Pérez |
27 | FW | สเปน | บิกตอร์ โมเยโฆ |
32 | FW | สเปน | Rodrigo Riquelme |