เดวิด รอเบิร์ต โจเซฟ เบ็คแฮม (David Robert Joseph Beckham) เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 เป็นอดีตนักฟุตบอลชายชาวอังกฤษ ปัจจุบัน เบ็คแฮม เป็นประธานสโมสรอินเตอร์ ไมอามี ใน เมเจอร์ลีกซอกเกอร์ ลีกฟุตบอลสูงสุดในสหรัฐและแคนาดา
เบ็คแฮม เคยเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, เพรสตันนอร์ทเอนด์, เรอัลมาดริด, เอซี มิลาน, แอลเอ แกลักซี และ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ในปี 1996 จนถึง ปี 2009 และยังเคยเป็นกัปตันทีมของทีมชาติอังกฤษด้วย
เบ็คแฮม เป็นนักเตะหนึ่งในสี่คนที่เล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มากกว่า 100 นัด เขายังเป็นนักเตะที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 115 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 2 และเป็นคนอังกฤษเพียงคนเดียวที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง ใน ฟุตบอลโลก 1998, 2002 และ 2006 โดยยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษรวมทั้งสิ้น 300 ประตู
เบ็คแฮม ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นนายทหารแห่งจักรวรรดิบริเตน (OBE:Officer of the Order of the British Empire) จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ชื่อเสียงของ เบ็คแฮม นั้นคนทั่วโลกรู้จักเขาเป็นอย่างดีทั้งรุ่นต่อรุ่นโดยผลงานของเขาสามารถสร้างชื่อเสียงไว้มากมายทั้งใน ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ และการค้าแข้งให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) เดวิด เบ็คแฮม ประกาศที่จะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพหลังจากที่การแข่งขันลีก 1 ของฝรั่งเศส (Ligue 1) ฤดูกาล 2012-13 ภายใต้ สโมสร ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง สิ้นสุดลง


ชีวิตในวงการฟุตบอล
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เบ็คแฮมเกิดในเมือง ลีย์ตันสโตน ในกรุงลอนดอน โดยพ่อของเขา เท็ด เบ็คแฮม เป็นแฟนของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเดินทางไปดูการแข่งขันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด อยู่เสมอ เบ็คแฮมจึงได้เข้าเป็นนักเตะฝึกหัดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เมื่อผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรออกจากทีมไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 94-95 ผู้จัดการทีม อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงนำนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่น เดวิด เบ็คแฮม เป็นหนึ่งในนักเตะเหล่านั้น เบ็คแฮม สามารถทำประตูได้ในนัดแรกของฤดูกาล (ชนะ เวสต์แฮม 3-1) และได้เป็นตัวจริงถาวรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฤดูกาลแรกของเบ็คแฮมนั้นชนะเลิศทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ
ชื่อเสียงของ เบ็คแฮม เริ่มโด่งดังขึ้นในเดือนสิงหาคม 1996 เมื่อเขายิงลูกจากครึ่งสนามเข้าในนัดที่พบกับ วิมเบิลดัน เขาติดทีมชาติอังกฤษนัดแรกวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1996 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่อังกฤษพบกับ มอลโดวา ในฤดูกาลนี้เขายังได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอซึ่งโหวตโดยผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
ฟุตบอลโลก 1998
เบ็คแฮม ได้เล่นในรอบคัดเลือกของฟุตบอลโลก 1998 ครบทุกนัด แต่ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศฝรั่งเศส ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เกล็น ฮ็อดเดิล ได้วิจารณ์ว่าเขาไม่มีสมาธิกับเกมฟุตบอล ทำให้เบ็คแฮมไม่ได้ลงเล่นใน 2 นัดแรก เขากลับมาลงสนามอีกครั้งในนัดที่อังกฤษชนะโคลัมเบีย 2-0 และทำประตูได้
เบ็คแฮม กลายเป็นตัวร้ายของทีมชาติ เมื่อได้รับใบแดงจากการทำฟาล์วนอกเกม กับ ดิเอโก ซิโมเน นักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาในการแข่งขันรอบที่สอง การแข่งขันนัดนั้นเสมอกันและอังกฤษแพ้ในการยิงจุดโทษ สื่อมวลชนอังกฤษจึงกล่าวหาว่าเขาเป็นต้นเหตุของความพ่ายแพ้ในนัดนี้
ฤดูกาลทริปเปิลแชมป์ (1998-1999)
สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จสูงสุดในฤดูกาล 1998-1999 เมื่อสามารถคว้าแชมป์รายการสำคัญได้ถึง 3 รายการ คือ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดย เบ็คแฮม มีส่วนร่วมอย่างมากในการทำประตูการแข่งขันนัดสำคัญ ผลจากการเล่นที่มีประสิทธิภาพในฤดูกาลนี้ทำให้แฟนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดให้อภัยความผิดพลาดในฟุตบอลโลก และคอยปกป้องเบ็คแฮมจากแฟนชาวอังกฤษของสโมสรอื่นที่ยังโจมตีเบ็คแฮมอยู่
ฟุตบอลโลก 2002
เบ็คแฮม ได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับสโมสรฟุตบอลดีปอร์ติโว ลา คอรุญญ่า ในเดือนเมษายน 2002 จึงหมดสิทธิ์เล่นทั้งฤดูกาล แต่เขาหายทันการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม เขาทำประตูชัยในนัดที่พบกับอาร์เจนตินา แต่สุดท้ายอังกฤษแพ้ให้กับบราซิลในการแข่งขันรอบถัดมา
เบ็คแฮม ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งต้นฤดูกาล 2002-03 และเริ่มเสียตำแหน่งตัวจริงในทีม ความสัมพันธ์ของเขากับ เฟอร์กูสัน ถึงจุดแตกหัก เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 หลังการแข่งขันที่แพ้ให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ในห้องแต่งตัว เฟอร์กูสันได้เตะรองเท้าสตั๊ดไปโดนบริเวณเหนือคิ้วของเบ็คแฮมจนได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการย้ายทีมของเบ็คแฮมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
เบ็คแฮม ลงสนามกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งหมด 394 นัด ทำได้ 85 ประตู
เรอัล มาดริด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต้องการขาย เบ็คแฮม ให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา แต่เบ็คแฮมกลับเซ็นสัญญา 4 ปีกับสโมสรฟุตบอลรีลมาดริดด้วยค่าตัวประมาณ 35 ล้านยูโร การย้ายทีมครั้งนี้ถูกวิจารณ์ว่ารีลมาดริดต้องการซื้อความเป็นดาราของเบ็คแฮมเพื่อหวังรายได้จากการขายสินค้า มากกว่าต้องการตัวเบ็คแฮมจากฝีมือการเล่นฟุตบอล ตัวอย่าง.ที่ชัดเจนคือเสื้อของเบ็คแฮมนั้นขายหมดทันทีในวันแรกที่เขาย้ายมายังมาดริด เมื่อเล่นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เบ็คแฮมใส่เสื้อหมายเลข 7 แต่เมื่อย้ายมามาดริด หมายเลข 7 ถูกครอบครองโดยราอูล กอนซาเลซดาวยิงชาวสเปนอยู่แล้ว เบ็คแฮมจึงเปลี่ยนไปใส่หมายเลข 23 โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นแฟนของไมเคิล จอร์แดน นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง
ฤดูกาล 2007/08 ถึงจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิตของ เบ็คแฮม จากการเข้ามาคุมทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ซึ่งไม่เห็นค่าของเบ็คแฮมเท่าไหร่นัก เขาจับเบ็คแฮมเป็นตัวสำรอง หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งจุดเปลี่ยนแปลงที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2007 เบ็คแฮมได้ประกาศ เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม “แอลเอ แกแล็คซี่” หลังจบฤดูกาล 2007
แอลเอ แกแล็คซี่
เบ็คแฮม เปิดตัวในฐานะนักเตะแอลเอ ที่โฮม ดีโป เซ็นเตอร์ สนามของทีม โดยเบ็คเลือกใส่หมายเลข 32 ซึ่งในวันเปิดตัวนั้น มีแฟนบอลมาต้อนรับมากมายถึง 250,000 คนเลยทีเดียว
เบ็คแฮม ลงสนามเล่นแมทช์แรกกับทีม เชลซี ในแมทช์อุ่นเครื่อง ซึ่งทีมแพ้ไป 0-1 และลงเล่นในลีกแมทช์แรกเจอกับทีม ดีซี ยูไนเต็ด ซึ่งสามารถจ่ายบอลให้ แลนดอน โดโนแวน ยิงได้ด้วย และพาทีมเอาชนะไป 2-0 และในแมทช์ที่แข่งศึกซูเปอร์ลีกา(ยูฟ่าแชมเปี้ยน ของอเมริกาใต้) เจอกับทีมพาชูร่า ของเม็กซิโก เบ็คแฮมได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ส่งผลให้เขาพักยาวถึง 6 สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะกลับมาเล่นได้ก็แทบจบฤดูกาลแล้ว สรุปในฤดูกาลแรกกับทีมแอลเอ เบ็คแฮมได้ลงทั้งสิ้น 8 นัด ( 5 นัดในลีก) และทำได้ 1 ประตู (0 ในลีก)
ช่วงปิดฤดูกาล เบ็คแฮม สร้างความฮือฮาด้วยการมาซ้อมบอล กับทีมอาร์เซนอล ซึ่งถือเป็นข่าวครึกโครมในช่วงนั้นเลยทีเดียว สำหรับลูกแรกที่ทำได้ในเมเจอร์ลีกนั้น เป็นการเจอกับทีม ซาน โจเซ่ เอิร์ธเควกเกส โดยเบ็คทำได้ในนาทีที่ 9 และวันที่ 24 พฤษภาคม 2008 เบ็คแฮม ก็สร้างตำนานการยิงไกลร่วมครึ่งสนามอีกครั้ง ในแมทช์เจอกับแคนซัสซิตี้ วิซาร์ด ซึ่งยิงไกลในระยะร่วม 70 หลา
ฟุตบอลโลก 2006
เบ็คแฮม มีส่วนในการทำประตูในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2006 และยิงได้ในนัดที่พบกับเอกวาดอร์ในรอบที่สอง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามในการแข่งขันกับโปรตุเกสในรอบถัดมา เบ็คแฮมบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง และอังกฤษแพ้จุดโทษให้กับโปรตุเกสอีกครั้ง หลังจากตกรอบฟุตบอลโลก เบ็คแฮมประกาศลาออกจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ เพื่อเปิดทางให้รุ่นน้องคนอื่นเข้ามารับหน้าที่นี้แทน
เอซี มิลาน
เมื่อครึ่งหลังฤดูกาลในปี 2008-2009 ของสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ได้ทำการยืมตัว เดวิด เบ็คแฮม มาเล่นให้กับทีมจนจบฤดูกาล ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการทำประตูมากมายให้กับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน จนทำให้ทีมได้รองแชมป์ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ความหวังที่ เดวิด เบ็คแฮม ต้องการมาเล่นให้กับยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีอย่างสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานนั้น สิ่งเดียวที่เค้าหวังคือการที่จะได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเค้ารู้ตัวดีว่าถ้าเล่นในเมเจอร์ลีกต่อ นั่นจะทำให้ เดวิด เบ็คแฮม ไม่สามารถโชว์ผลงานเท่าที่คาดคิดไว้ได้ เบ็คแฮมจึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อให้มาเล่นกับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เค้าต้องการและนั่นทำให้เค้ากับทาง แอลเอ แกแล็คซี่ มีเรื่องบาดหมางกัน แต่ในที่สุดก็ทำข้อตกลงกันได้คือ หลังจากที่ เดวิด เบ็คแฮม หมดสัญญาการยืมตัวจากสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานในฤดูกาลปี 2008-2009 แล้ว เดวิด เบ็คแฮม จะกลับไปเล่นให้กับแอลเอ แกแล็คซี่ ทันทีและหลังจากหมดฤดูกาลกับทางแอลเอ แกแลกซี เดวิด เบ็คแฮม จะกลับมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน อีกครั้งในฐานะนักเตะของสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ซึ่งคาดว่าจะกลับมาในเดือนพฤศจิกายนในปี 2009
ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และ แขวนสตั๊ด
เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2013 เบ็คแฮม ได้เริ่มกลับมาฝึกฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลและได้มีข่าวว่าทางอาร์เซนอลจะเซ็นสัญญากับเบ็คแฮมเป็นผู้เล่นของสโมสรแต่ก็ได้ถูกปฏิเสธไปอย่างเป็นทางการจาก อาร์แซน แวงแกร์ ผู้จัดการทีมของอาร์เซนอล โดยแวงแกร์ได้บอกกับสื่อว่าเหตุที่เขาให้เบ็คแฮมมาฝึกซ้อมกับสโมสรอาร์เซนอลคือเพื่อให้เบ็คแฮมได้ฝึกสภาพร่างกายของเขาเท่านั้นไม่ได้มีการเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง จึงได้เปิดตัวเขาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โดยนัดแรกของเบ็คแฮมกับปารีแซ็ง แฌร์แม็งคือในนัดที่พับกับ ออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ ซึ่งเขาได้ลงเล่นมาเล่นในฐานะตัวสำรองให้กับสโมสรในนาทีที่ 76 และเขายังเป็นผู้เล่นคนที่ 400 ของสโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็งอีกด้วย ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบ็คแฮมและเพื่อนร่วมสโมสรสามารนำ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง คว้าแชมป์ลีกเอิงได้สำเร็จด้วยเอาชนะ ออแล็งปิกลียอแน ไป 1-0 แล้วได้คว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นสมัยแรกของเบ็คแฮมและสมัยที่สามของสโมสร
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบ็คแฮม ได้ออกมาประกาศให้แก่สื่อมวลชนว่าเขาจะเกษียณจากอาชีพนักฟุตบอลอย่างเป็นทางการในการจบอาชีพการเล่นฟุตบอลที่ ประเทศฝรั่งเศส
ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบ็คแฮม ได้ลงเล่นนัดสุดท้ายในบ้านของฤดูกาลให้กับ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และนัดสุดท้ายในการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขาด้วยการพบกับ สโมสรฟุตบอลแบรสต์ ทื่ปาร์กเดแพร็งส์ โดยในนัดนี้ การ์โล อันเชลอตตี ผู้จัดการทีมของ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ได้ให้เบ็คแฮมได้ลงเป็นตัวจริงและเป็นกัปตันทีมของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 82 และหลังจากจบการแข่งขัน ปารีแซ็ง-แฌร์แม็งก็สามารถเอาชนะไปได้ 3-1 และคว้าแชมป์ลีกเอิงอย่างเป็นทางการและทำให้ เบคแฮม เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแต่ละประเทศได้ถึง 4 ประเทศ คือ อังกฤษ, สเปน, อิตาลี และฝรั่งเศส



ชีวิตส่วนตัว
เบ็คแฮม แต่งงานกับ วิคตอเรีย อดัมส์ นักร้องสาวของวงสไปซ์เกิลส์ ฉายา “Posh Spice” ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก ทั้งคู่ถูกเรียกจากสื่อว่า “Posh and Becks” และชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ครอบครัว เบ็คแฮม มีลูกชาย 4 คน คือ บรุคลิน โจเซฟ เบ็คแฮม (เกิด 1999), โรมีโอ เจมส์ เบ็คแฮม (เกิด 2002) ,ครูซ เดวิด เบ็คแฮม (เกิด 2005) และลูกสาวฮาร์เปอร์ เบ็คแฮม (เกิด 2010 )
- สำหรับลูกชายคนโต บรู๊คลีน เบ็คแฮม เกิดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 1999 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 20 ปี เจ้าตัวถือเป็นเซเลบริตี้คนดัง ตอนนี้เริ่มสนใจด้านแฟชั่น ซึ่งปล่อยผลงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังออกมาอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันคบหาอยู่กับ ฮาน่า ครอสส์ นางแบบสาวดาวรุ่ง
- ด้านลูกชายคนรอง โรเมโอ เบ็คแฮม เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2002 ที่ลอนดอนเช่นเดียวกันกับพี่ชาย ปัจจุบันอายุย่าง 17 ปี คนนี้ชอบเล่นเทนนิสเป็นพิเศษ และมีข่าวลือกันว่าพ่อหนุ่มหน้ามนเดตอยู่กับ มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ นักแสดงสาววัยรุ่นชื่อดังจากซีรี่ส์ Stranger Things
- ส่วนลูกชายคนที่สาม ครูซ เบ็คแฮม ตอนนี้อายุ 14 ปี เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2005 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ซึ่งตอนนั้นคุณพ่อค้าแข้งอยู่กับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ถือเป็นหนุ่มน้อยคนเล็กที่หล่อเหลาโดดเด่นไม่แพ้พี่ชายทั้งสองคนเลย
- นอกจากนี้ 3 หนุ่มพี่น้องเบ็คแฮม ยังมีน้องสาวคนสุดท้องอย่าง ฮาร์เปอร์ เบ็คแฮม ที่ปัจจุบันอายุย่าง 8 ขวบ ที่มีความน่ารักสดใส ส่อแววหน้าตาดีไม่ต่างจากคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายทั้ง 3 คนเช่นกัน