สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (อังกฤษ: Singha Chiangrai United) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย เป็นทีมฟุตบอลจากจังหวัดเชียงราย ฉายากว่างโซ้งมหาภัย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันลงแข่งขันอยู่ในไทยลีก
ตราสัญลักษณ์เป็นรูปกว่างโซ้งนักสู้
เชียงรายยูไนเต็ดถือเป็นตัวแทนแห่งล้านนาที่กำลังแสดงผลงานโลดแล่นอยู่บนไทยพรีเมียร์ลีก ทีมเดียวจากภาคเหนือ เชียงรายยูไนเต็ดถือเป็นทีมที่ฝันฝ่าอุปสรรคอย่างไม่ย่อท้อ จนถือว่าประสบความสำเร็จ ณ ปัจจุบัน เชียงรายยูไนเต็ดแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ แฟนบอลที่สนับสนุนทีมอย่างหนาแน่น ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์มีความเป็นมือโปรในการจัดการทีม สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญที่ทำให้เชียงรายยูไนเต็ดเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ที่ทำให้วงการฟุตบอลไทย วงการลีกฟุตบอลอาชีพของไทย เจริญก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นอย่างมาก
สัญลักษณ์ของทีมคือกว่างโซ้ง กว่างโซ้งเป็นด้วงกว่างตัวผู้มีมากทางภาคเหนือของไทย เมื่อถึงฤดูกว่าง ชาวบ้านจะพากันดักจับกว่างเพื่อนำมาเป็นการละเล่นที่เรียกว่า “การชนกว่าง” โดยกว่างตัวผู้สองตัวจะอยู่บนสังเวียนการต่อสู้ที่เรียกว่า กลอน ที่มีกว่างตัวเมียหรือที่เรียกว่า กว่างแม่อู๊ด(ตามแต่ละท้องถิ่น) เป็นตัวล่อ กว่างโซ้งถือเป็นกว่างที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการต่อสู้ กว่างจะสู้จนไม่มีคำว่าถอย บางครั้งกว่างอาจได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้จนต้องสูญเสียเขา ในการต่อสู้หรือแม้แต่ชีวิต ดังนั้นจึงถือว่ากว่างเป็นสัตว์นักสู้โดยแท้จริง กว่างจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์แทนทีมเชียงรายยูไนเต็ดที่นักเตะมีเลือดนักสู้สมฉายา กว่างโซ้ง นั่นเอง
การก่อตั้งและการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด
สโมสรก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2552
โดยใช้ชื่อว่า “สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด” มีนายมิตติ ติยะไพรัชเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานสโมสร ซึ่งนายมิตตินั้นมีความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลมาแต่เดิม และต้องการมีสโมสรฟุตบอลเป็นของตนเอง ประจวบกับการเกิดขึ้นของลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ในปีพ.ศ. 2552 นายมิตติ จึงตัดสินใจส่งทีมลงแข่งขันในปีนั้นในฐานะทีมฟุตบอลของจังหวัดเชียงราย และได้เลือกใช้ “กว่างโซ้ง” เป็นสัญลักษณ์ทีม สื่อถึงความเป็นนักสู้ และใช้สีส้มเป็นเสื้อทีมเหย้า ในช่วงแรกนั้นการบริหารทีมเป็นไปอย่างลำบาก เนื่องจากคนในจังหวัดยังไม่ตื่นตัวกับฟุตบอลไทยมากนัก แต่การคุมทีมของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ได้ช่วยให้สโมสร มีผลงานในสนามที่น่าพอใจ และเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น สามารถจบอันดับหนึ่งของตารางลีกภูมิภาค ภาคเหนือ ด้วยสถิติไร้พ่าย ก่อนจะจบอันดับที่ 2 ในรอบเพลย์ออฟ และได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ไทยลีกดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล พ.ศ. 2553
ปีฤดูกาล 2553
ปี พ.ศ. 2553 ในลีกดิวิชั่น 1 นั้น เชียงราย ยูไนเต็ด เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างไม่ดีนัก เนื่องจากโค้ชธวัชชัยได้ย้ายไปคุม ทีมพัทยา ยูไนเต็ด ทำให้ทีมในช่วงแรกนั้นยังไม่สามารถทำผลงานได้ดี อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนตัวผู้ฝึกสอนบ่อย อย่างไรก็ตาม นายมิตติได้ตัดสินใจเลือก สเตฟาโน คูกูรา ผู้ฝึกสอนชาวบราซิลเข้ามาคุมทีมในช่วงกลางฤดูกาล ภายใต้การคุมทีมของคูกูรา เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถทำอันดับได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากอันดับที่ 13 ของตารางขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่สาม ทำให้ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปเล่นไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2554 เป็นทีมสุดท้ายของปี
ในฤดูกาล 2554
เชียงราย ยูไนเต็ด ไทยพรีเมียร์ลีก กลับประสบปัญหาหลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องสนามแข่งขัน ที่ต้องย้ายสนามเหย้าบ่อยครั้งเนื่องจากปัญหาจากความล่าช้าในการปรับปรุงสนามกีฬากลางขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและสนามอยู่หน้ามหาลัยแม่ฟ้าหลวง ทำให้เกิดปัญหาเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใกล้สถานศึกษา ทำให้ไม่สามารถใช้สนามทั้งสองได้ ทำให้สโมสรจำเป็นต้องย้ายไปใช้สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีอยู่ระยะหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อรายได้ของสโมสรอย่างหนัก แต่ด้วยการเรียกร้องของชาวเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจึงอนุญาตให้สโมสรสามารถใช้สนามของมหาวิทยาลัยได้อีกครั้ง หลังประสบปัญหาดังกล่าว ทำให้ทางเชียงราย ยูไนเต็ด จำเป็นต้อง มีสนามเป็นของตัวเอง เริ่มมีการก่อสร้างสนามเหย้าขึ้นบนที่ดินใกล้กันกับสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย แม้จะมีปัญหามากมาย แต่เชียงรายยูไนเต็ดก็สามารถจบฤดูกาลได้ด้วยอันดับที่ 10 ของตารางได้
ในฤดูกาล 2555
สนามยูไนเต็ด สเตเดียม ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ โดยเชียงรายจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9
ในฤดูกาล 2556
เชียงราย ยูไนเต็ดกลับประสบปัญหาในเรื่องฟอร์มการแข่งขันที่ย่ำแย่ ทำให้ทีมต้องอยู่อันดับในโซนตกชั้นอยู่เป็นเวลานาน แม้จะมีการปลด สเตฟาโน คูกูรา ออกแล้วแต่การคุมทีมของ เฮงค์ วิสมัน ผู้ฝึกสอนชาวฮอลแลนด์ ก็ไม่สามารถพาทีมทำผลงานได้ดีขึ้นได้แต่อย่างใด เมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาล เชียงราย ยูไนเต็ดจึงได้ อนุรักษ์ ศรีเกิด เข้ามาช่วยแก้วิกฤตและรอดจากการตกชั้นได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2557-2559 อดีตนักเตะของเชียงราย ยูไนเต็ดอย่างธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้ฝึกสอน ตลอดช่วงสามปีของการคุมทีมของธีรศักดิ์ เชียงราย ยูไนเต็ดยังคงเกาะอยู่ในกลุ่มกลางตารางได้อย่างต่อเนื่อง
ในฤดูกาล 2559 เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การสนับสนุนของ สิงห์
สิงห์ปาร์ค ของบริษัทสิงห์ ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีม ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดเริ่มมีเงินทุนในการพัฒนาทีมมากขึ้น โดยสามารถดึงนักเตะชื่อดังอย่างฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์เข้ามาร่วมทีมได้ เมื่อจบฤดูกาล สโมสรได้แยกทางกับธีรศักดิ์ โพธ์อ้น และได้แต่งตั้งอาเลชังดรี กามา อดีตผู้ฝึกสอนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560 นาย มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันว่าได้ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด รวมถึงเปลี่ยนชื่อสนามเป็นสิงห์ สเตเดียม เนื่องจากได้ผลิตภัณฑ์สิงห์เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก โดยในฤดูกาล 2560 เชียงราย ยูไนเต็ดได้ยกระดับทีมขึ้นมาเป็นทีมเจ้าบุญทุ่มอย่างเต็มตัวด้วยงบการทำทีมกว่า 300 ล้านบาท ได้มีซื้อตัวนักฟุตบอลชื่อดังและสามารถดึงตัวผู้เล่นระดับแถวหน้า อาทิ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ เข้าทีมมาด้วยค่าตัว 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าตัวนักเตะไทยที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
ในฤดูกาล 2560
ภายใต้การคุมทีมของกามา เชียงราย ยูไนเต็ดสามารถทำผลงานได้ดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยสามารถจบฤดูกาลได้ในอันดับที่ 4 ได้ตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลรายการโตโยต้า ลีกคัพ และคว้าแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ มาครองได้สำเร็จเป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเอาชนะทีมแบ็งค็อก ยูไนเต็ดไป 4-2 พร้อมได้สิทธิ์ในการเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีก ฤดูกาลถัดไป
ในฤดูกาล 2561
เชียงราย ยูไนเต็ดจะประสบปัญหาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การที่ผู้เล่นตัวหลักทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ย้ายออกจากทีม การลาออกของรองประธานสโมสรผู้เป็นกำลังหลักในการบริหารอย่าง ธนพล วิระเทพสุภรณ์ หรือแม้แต่การที่ทีมไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาในฟุตบอลลีกได้ แต่เชียงราย ยูไนเต็ดก็ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นในฟุตบอลถ้วยได้อย่างยอดเยี่ยมจนสร้างประวัติศาสตร์คว้า “ทริปเปิลแชมป์” ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร (ช้าง เอฟเอคัพ, โตโยต้า ลีกคัพ และ ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ) ก่อนที่ทางสโมสรจะตัดสินใจแยกทางกับอาเลชังดรี กามาในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งเป็นนัดที่เชียงราย ยูไนเต็ดเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดไปได้ 3-2 และสามารถป้องกันแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ พร้อมรับสิทธิ์ไปเล่นรอบเพลย์ออฟรายการเอเอฟซี แชมป์เปียนลีกได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ฤดูกาล 2562
ในฤดูกาล 2562 เปิดฉากขึ้น เชียงราย ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของผู้ฝึกสอนคนใหม่อย่าง ไอล์ตัน ซิลวา ก็สามารถทำผลงานได้ดีและสม่ำเสมอกว่าในฤดูกาลที่ผ่านมา แม้จะตกรอบฟุตบอลถ้วยทุกรายการ แต่ก็ยังคงสามารถรักษาผลงานในลีกได้จนก้าวขึ้นมาเบียดแย่งตำแหน่งจ่าฝูงกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงท้ายของการแข่งขัน ซึ่งระยะห่างของคะแนนที่สูสีนี้ทำให้ต้องมีการตัดสินแชมป์กันจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยก่อนการแข่งขันนัดสุดท้ายนั้น เชียงราย ยูไนเต็ดมีคะแนนทั้งหมด 55 แต้ม ในขณะที่ทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดมีคะแนนรวม 57 แต้ม นำเป็นจ่าฝูงของลีก แต่เมื่อจบการแข่งขันนัดสุดท้าย ทั้งสองทีมกลับมีเท่ากันที่ 58 แต้ม เนื่องจากเชียงราย ยูไนเต็ดสามารถเอาชนะสุพรรณบุรี เอฟซี ไปได้ 5–2 ส่วนบุรีรัมย์กลับพลาดท่าเสมอกับสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี 1-1 เมื่อคะแนนของทั้งสองทีมเท่ากัน จึงจำเป็นต้องมีการตัดสินด้วยกฎเฮดทูเฮด ซึ่งเชียงรายนั้นมีเฮดทูเฮดที่ดีกว่าบุรีรัมย์ (เสมอ 0-0 ในเกมเยือน และชนะ 4-0 ในเกมเหย้า) ทำให้เชียงราย ยูไนเต็ดพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกมาครองได้สำเร็จในที่สุด
สนามเชียงราย ยูไนเต็ด
ก่อนที่สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ดจะมีสนามเหย้าเป็นของตัวเอง พวกเขาเคยต้องเช่าสนามหลายแห่งเพื่อใช้ในการแข่งขันนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรในปีพ.ศ. 2552 โดยสนามที่สโมสรเคยใช้ในการแข่งขันก่อนจะมีสนามเป็นของตัวเองคือ สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย และสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี และสนามเหย้าถาวรของสโมสรนั้นได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2554 ก่อนเปิดใช้ในปี พ.ศ. 2555
สิงห์ สเตเดียม
สิงห์ สเตเดียม หรือ สนามยูไนเต็ด สเตเดียม เป็นสนามเหย้าของ สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ตั้งอยู่ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หน้าสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เริ่มเปิดใช้นัดแรกในวันที่ 7 กรกฎาคม 2555 ซึ่งเป็นการรับการมาเยือนของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยผลการแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 สนามแห่งนี้ใช้ชื่อว่าสนามยูไนเต็ด สเตเดียม เรื่อยมา มีการต่อเติมและปรับปรุงสนามอยู่โดยตลอด จนกระทั่งบริษัท สิงห์ ได้เข้ามาสนับสนุนสโมสร จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อสนามเป็น สนามสิงห์ สเตเดียม นับตั้งแต่ฤดูกาล 2560 เป็นต้นมา ปัจจุบันสนามแห่งความจุราว 12,000 ที่นั่ง
ปี | ชื่อสนาม | ที่ตั้ง | ลีก |
19/4/52-13/6/52 | สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง | ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย | ดิวิชั่น2 โซนภาคเหนือ |
11/7/52-10/10/53 | สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย | ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย | ดิวิชั่น2 โซนภาคเหนือ,ดิวิชั่น1 |
13/3/54-4/6/54 | สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง | ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย | ไทยลีก |
1/8/54-10/9/54 | สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี | ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ | ไทยลีก |
18/9/54-3/6/55 | สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง | ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย | ไทยลีก |
7/7/55-ปัจจุบัน | สิงห์ สเตเดียม (ยูไนเต็ด สเตเดียม) | ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย | ไทยลีก |
ข้อมูลสโมสรและผู้สนับสนุน
ชื่อเต็ม: สโมสรฟุตบอลสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ฉายา : กว่างโซ้งมหาภัย
ก่อตั้ง : พ.ศ. 2552
สนาม : สิงห์ สเตเดียม (ความจุ: 12,000 ที่นั่ง)
ประธานสโมสร : มิตติ ติยะไพรัช
ผู้จัดการทีม: มะซะมิ ทะกิ
ลีก:ไทยลีก
2562 : ไทยลีก, อันดับที่ 1 (ชนะเลิศ)
หัวหน้าผู้ฝึกสอน เอเมอร์สัน ปาไรร่า (รักษาการ)
กัปตันทีม พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล
ผู้สนับสนุน ลีโอ,ไทยเวียดเจ็ท,ทีโอเอ,บีฮีโร่,สิงห์ปาร์ค1,บีกริม1,โตโยต้าเชียงราย2,
บีจีเอฟ2,เมืองไทยประกันชีวิต2
เกียรติประวัติ
ฟุตบอลลีก : ไทยลีก
- ชนะเลิศ (1): 2562
ไทยลีก ดิวิชัน 1
- อันดับที่สาม (1): 2553
ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 (รอบเพลย์ออฟ)
- รองชนะเลิศ (1): 2552
ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 (รอบคัดเลือก โซนภาคเหนือ)
- ชนะเลิศ (1): 2552
ฟุตบอลถ้วย ไทยเอฟเอคัพ
- ชนะเลิศ (2): 2560, 2561
ไทยลีกคัพ
- ชนะเลิศ (1): 2561
- รองชนะเลิศ (1): 2560
ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ
- ชนะเลิศ (2): 2561, 2563
- รองชนะเลิศ (1): 2562
รายชื่อผู้เล่น สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
เลข | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น |
1 | GK | ไทย | สรานนท์ อนุอินทร์ |
2 | DF | ไทย | วสันต์ ฮมแสน |
3 | DF | ไทย | ธนะศักดิ์ ศรีใส (กัปตันทีม) |
5 | DF | บราซิล | บรีเนร์ |
6 | MF | ไทย | พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล (รองกัปตันทีม) |
7 | FW | บราซิล | เฟลิเป้ ดา ซิลวา |
8 | MF | เกาหลีใต้ | โช จี-ฮุน |
9 | FW | บราซิล | โรซีมาร์ อามังซียู |
10 | MF | ไทย | ศิวกรณ์ เตียตระกูล |
13 | MF | ไทย | โชติภัทร พุ่มแก้ว |
14 | MF | ไทย | ศนุกรานต์ ถิ่นจอม |
16 | FW | ไทย | อัครวินทร์ สวัสดี |
เลข | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น |
17 | FW | ไทย | สมคิด ชำนาญศิลป์ |
18 | MF | ไทย | ถิรายุ บรรหาร |
21 | MF | ไทย | ทักษ์ดนัย ใจหาญ |
22 | GK | ไทย | อภิรักษ์ วรวงษ์ |
26 | MF | ไทย | ชัยวัฒน์ บุราณ |
27 | MF | ไทย | จอนาตา แวร์ซูรา |
30 | DF | ไทย | สุริยา สิงห์มุ้ย |
33 | DF | ไทย | ศราวุฒิ อินทร์แป้น |
36 | DF | ไทย | ชินภัทร ลีเอาะ |
37 | MF | ไทย | เอกนิษฐ์ ปัญญา |
39 | GK | ไทย | ฟารุส ปาตี |
44 | DF | ไทย | โทร่า เจริญสุข |
45 | DF | ไทย | ศราวุฒิ ยอดยิ่’หทัยกุล |
และสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แถลงข่าวเปิดตัวนักเตะใหม่ “บาส” ทักษ์ดนัย ใจหาญ กองกลางตัวรุกดาวรุ่งวัย 18 ปี ผลผลิตจากอะคาเดมี่สิงห์ เชียงราย ฯ ก่อนถูกส่งไปชุบตัวที่อังกฤษในโครงการ FoxHunt รุ่นที่ 3 และกลับมาก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ของทัพสิงห์ เชียงราย ฯ อย่างเป็นทางการ โดยได้จรดปากกาเซ็นสัญญากันเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมลุยศึกไทยลีก รวมถึงฟุตบอลรายการต่าง ๆ ในฤดูกาล 2020 ทันที
สำหรับ “บาส” ทักษ์ดนัย ใจหาญ ปัจจุบันอายุ 18 ปี เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2545 เริ่มต้นก้าวสู่อะคาเดมี่สิงห์ เชียงราย ตั้งแต่อายุ 14 (2559) ก่อนถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าร่วมฝึกฟุตบอลในโครงการ FoxHunt รุ่นที่ 3 ตอนอายุ 16 ปี ที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 2 ปี ผลงานส่วนตัวในการเล่นที่อังกฤษ ลงสนามในนามทีม FoxHunt ไป 74 นัด ยิง 20 ประตู แอสซิสต์ 12 ลูก
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2563–2564
ภาพรวมสถิติ ในฤดูกาล 2563–2564 (ข้อมูลครั้งสุดท้าย: 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563)
การแข่งขัน | บันทึก | |||||||
แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | % ชนะ | |
ไทยแลนด์แชมเปียนส์ คัพ | 1 | 1 | 0 | 0 | 2 | 0 | +2 | 100.00 |
เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก | 2 | 0 | 0 | 2 | 0 | 2 | −2 | 0.00 |
ไทยลีก | 13 | 7 | 2 | 4 | 20 | 12 | +8 | 53.85 |
โตโยต้าลีกคัพ | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | +0 | — |
ช้าง เอฟเอคัพ | 1 | 1 | 0 | 0 | 2 | 1 | +1 | 100.00 |
ทั้งหมด | 17 | 9 | 2 | 6 | 24 | 15 | +9 | 52.94 |
ตารางคะแนน ไทยลีก (ข้อมูลล่าสุด วันที่ 27 ธันวาคม 2563)
อันดับ | ทีม | เล่น | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | คะแนน |
3 | ราชบุรี มิตรผล | 16 | 9 | 2 | 5 | 31 | 25 | +6 | |
4 | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด | 16 | 8 | 2 | 6 | 29 | 19 | +10 | 26 |
5 | สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด | 14 | 8 | 2 | 4 | 22 | 13 | +9 | 26 |
6 | สมุทรปราการ ซิตี้ | 16 | 7 | 4 | 5 | 33 | 24 | +9 | 25 |
7 | เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด | 16 | 6 | 4 | 6 | 24 | 21 | +3 | 22 |
สถิติผลการแข่งขัน
ผลงานโดยรวม | เหย้า | เยือน | |||||||||||||||||
แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | คะแนน | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง |
13 | 7 | 2 | 4 | 20 | 12 | +8 | 23 | 3 | 1 | 2 | 8 | 5 | +3 | 4 | 1 | 2 | 12 | 7 | +5 |
หมายเหตุ ส่วนแมตช์ไทยลีกตามโปรแกรมเดิมในเดือนมีนาคมนั้นได้ถูกเลื่อนการแข่งขันออกไปตาม การระบาดของโคโรนาไวรัส