เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มีชื่อเต็มว่า สโมสรฟุตบอลเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด (Sheffield United Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมืองเชฟฟีลด์ เซาท์ยอร์กเชียร์ ปัจจุบันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ และมีฉายาว่า เดอะเบลด, พ่อมดแดงขาว หรือดาบคู่ที่เป็นฉายาในประเทศไทย มีเจ้าของทีมคือ เควิน แมคเคบบ์ (50%) Prince Abdullah bin Musa’ad bin Abdulaziz Al Saud (50%) และมีผู้จัดการทีมคือ คริส วิลเดอร์
ประวัติความเป็นมา
สโมสรเชฟฟิลด์ยูไนเต็ดได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ.1889 โดยผู้ก่อตั้งคือ เซอร์ ชาร์ลส์ เคร็ก ประธานสโมสรคริกเก็ต เชฟฟีลด์ เว้นส์เดย์ ซึ่งเคยใช้สนามบรามอลล์ เลนมาก่อน ก่อนจะย้ายไปที่โอลีฟ โกรฟ ท่านเซอร์จึงต้องหาทีมใหม่มาเช่าสนามแทน ซึ่งก็คือเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดนี่เอง
ช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของสโมสรจะอยู่ในช่วง 40 ปีแรก หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์อีกเลย และก็มักจะขึ้นชั้นตกชั้นสลับกันไป ซึ่งพวกเขาเคยเข้าถึงรอบรองชนะเลิศบอลถ้วยในประเทศทั้งสองถ้วยและยังได้เตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในเดอะแชมเปี้ยนชิพอีกด้วยในฤดูกาล 2002 – 2003 แต่ก็ไม่สามารถคว้าตำแหน่งใด ๆ ได้เลย
และช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของเชฟฟิลด์จะอยู่ในช่วงปี 1975 – 1981 จากที่เคยจบอันดับ 6 ในดิวิชัน 1 ก็ยังกลับตกชั้นไปสู่ดิวิชั่น 2และ 3 เท่านั้นยังไม่พอยังตกไปสู่ดิวิชัน 4 แต่ก็อยู่ได้แค่ปีเดียวพวกเขาก็กลับสู่ดิวิชัน 3 และ แค่ 2 ปีก็เลื่อนชั้นกลับสู่ดิวิชัน 2 อีกครั้ง
และในปี 1988 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดก็ได้ตกชั้นสู่ดิวิชัน 3 อีกครั้ง หลังจากนั้นทางสโมสรก็ได้ผู้จัดการทีมคนใหม่คือ เดฟ บาสเซตต์ ซึ่งมีความสามารถที่ทำให้ทีมกลับมาสู่ยุคที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยใช้เวลาในการนำทีมแค่ 2 ปี สามารถทำให้ขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในปี 1990 ซึ่งทำให้พวกเขาเหล่านักเตะเชฟฟิลด์ได้เข้ามาอยู่ถึง 4 ฤดูกาล
และในปี 1997 ทางทีมได้มีผู้จัดการคนใหม่ซึ่งคุมทีมโดยโฮเวิร์ด เคนดัลล์ ผู้รับตำแหน่งต่อจากเดฟ บาสเซตต์ ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุดถึง 12 ปี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวทางทีมเกือบจะได้เลื่อนชั้นอยู่หลายครั้ง สามารถเข้าถึงรอบเพลย์ออฟ
และในปีถัดมาพวกเขาได้นีล วอร์น็อกเข้ามาคุม ทำให้ทีมกลับเข้าสู่สภาวะที่ยากลำบากอีกครั้งในการจบอันดับที่เกือบท้ายตารางและยังมีปัญหาในด้านการเงินที่เข้าขั้นวิกฤตจึงทำให้ไม่สามารถหาตัวผู้เล่นมาเสริมทีมได้ตามที่ต้องการ
แต่ในความโชคร้ายของทีมก็ยังมีอะไรให้ทางทีมได้มีสิ่งดี ๆ ที่ทำให้น่าจดจำคือ ในช่วยปี 2002 – 2003 เป็นฤดูกาลที่ทางสโมสรได้เข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลด้วยภายในประเทศทั้ง 2 รายการ และได้เพลย์ออฟเลื่อนชั้น แต่ก็น่าเสียดาย ที่พลาดทั้งหมด โดยรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตันไป 3-0
และในปี 2006 นีล วอร์น็อกก็สามารถนำทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ โดยพาทีมไปจบที่ตำแหน่งรองชนะเลิศในลีกแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งอยู่ได้แค่ปีเดียวก็ต้องตกชั้นไป ท่ามกลางการโต้เถียงที่รุนแรงกับ คาร์ลอส เตเบซ หลังจากนั้นเขาก็ลาออก
เป็นอะไรที่แปลกที่ทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดกลับมาพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอีกครั้ง ในเดอะแชมเปี้ยนชิพ ด้วยค่าเหนื่อยที่ไม่เหมาะสมกับระดับฝีเท้าของนักเตะกับช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จที่สั้นเกินไป และในปี 2009 เควิน แบล็กเวลล์ ได้พาทีมเข้าถึงรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ
และในช่วงฤดูกาล 2010 -2011 ทางสโมสรก็ได้เปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมไปอีกถึง 3 คน ซึ่งก็ทำให้ตกชั้นเช่นเดิม โดยการคุมทีมของมิกกี้ อดัมส์ นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องตกชั้นสู่ลีกวันเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี และเพียง 5 ปีเท่านั้นหลังจากที่อยู่ในพรีเมียร์ลีก
ตราสัญลักษณ์ประจำทีม
เครื่องแต่งกาย
เครื่องแต่งกายของนักฟุตบอลทีมเหย้าเสื้อจะเป็นสีขาวลายทางแดง กางเกงจะเป็นสีดำ ถุงเท้าแดง ในส่วนของทีมเยือนจะเป็นเสื้อสีชมพู กางเกงดำ ถุงเท้าสีชมพูสีเดียวกับตัวเสื้อ และชุดที่ 3 ทั้งเสื้อกางเกงและถุงเท้าจะเป็นสีดำ
สนามแข่งขันของทีม
สนามบรามอลล์เลน ตั้งอยู่ที่เมืองเชฟฟิลด์ในประเทศอังกฤษ เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด และยังเป็นสนามที่เก่าแก่เป็นอันดับที่สองของโลกที่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนี้ โดยในครั้งแรกที่ทำการแข่งขันนั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1862 เป็นการพบกันระหว่างทีมฮัลลัมกับทีมเชฟฟิลด์คลับ และยังเป็นสนามแรกในโลกที่มีการเปิดไฟในสนามเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1878 โดยทีมที่มาเตะนั้นถูกเลือกโดยสมาคมฟุตบอลเมืองเชฟฟีลด์เอง
ซึ่งไฟที่เปิดนั้นได้มาจากเครื่องปั่นไฟ 2 ตัว และมีผู้ชมประมาณ 20,000 คน ผลการแข่งขัน 2 – 0 สนามแห่งนี้ได้รับการต่อเติมเพิ่มที่นั่งอีก 3,000 ที่นั่ง ในปี 2006 บริเวณมุมของสนาม ทำให้สนามมีที่นั่งเพิ่มเป็น 32,609 ที่นั่ง
ต่อมาทางสโมสรได้ทำการต่อเติมสนามอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้สนามมีความจุประมาณ 37,000 ที่นั่ง โดยจะนำเอาสแตนด์ฝั่งหลักออกจากนั้นจะติดตั้งจอยักษ์เข้าไปที่หลังคา
และนำเอาสแตนด์ฝั่งวาลัด (แสตนด์ฝั่งอาโนลด์ ลาเวอร์เก่า) จะถูกต่อเติมทำให้มีความจุประมาณ 40,000 ที่นั่ง โดยเป้าหมายรองของการต่อเติมคราวนี้ก็เพื่อการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของอังกฤษในปี 2018 หรือ 2022
นักเตะของทีมในชุดปัจจุบัน
เลข | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น |
3 | DF | Lecsinel Jean-François | |
4 | MF | Nick Montgomery | |
5 | DF | Chris Morgan | |
8 | MF | Michael Doyle (vice captain) | |
10 | FW | Billy Sharp (captain) | |
11 | MF | Ryan Flynn | |
13 | GK | Mark Howard | |
14 | MF | Lee Williamson | |
15 | DF | ฟิล แจกีเอลกา | |
17 | FW | Richard Cresswell | |
18 | MF | Matthew Harriott | |
20 | MF | David McAllister | |
21 | FW | Chris Porter | |
22 | FW | Danny Philliskirk | |
24 | MF | Erik Tønne | |
25 | GK | George Long | |
27 | MF | Kevin McDonald | |
28 | MF | Stephen Quinn | |
30 | DF | Marcus Williams | |
31 | FW | Jordan Chappell |
พรีเมียร์ลีกปีนี้ 2019 – 2020 ต้องยกให้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ในฤดูกาล 2019 – 2020 ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทีมที่มีความโดดเด่นสุด ๆ คงหนี้ไม่พ้นทีม ดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งในต้นฤดูกาลเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในตัวเต็งตกชั้น เพราะเพิ่งเลื่อนชั้นคืนลีกสูงสุด โดยหนสุดท้ายที่เล่น พรีเมียร์ ลีก ต้องย้อนไปฤดูกาล 2006 – 2007 หรือเมื่อ 12 ปีก่อนเลยทีเดียว ขณะที่กุนซืออย่าง คริส ไวล์เดอร์ ก็โนเนมเหลือเกิน สมัยเป็นนักเตะเล่นแบล็คขวา ก่อนจะมาคุม “ดาบคู่” นั้นก็กุมบังเหียนสโมสรเล็ก ๆ ทั้ง อัลเฟรตัน ทาวน์, ฮาลิแฟ๊ก ทาวน์, อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด และ นอร์ทแฮมตัน ทาวน์
ซึ่งในขณะนี้ได้พ้นโปรแกรม 26 นัด ทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดได้ยึดที่ 5 และมีแต้มอยู่ที่ 39 แต้ม ซึ่งมีอันดับเหนือกว่า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล โดยตามท็อปโฟร์ เชลซี แค่ 2 แต้ม แม้ “ดาบคู่” จะแข่งมากกว่า 1 นัด ทว่าชัดเจนเลยว่ากำลังลุ้นไปเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ฟลุ๊กแน่นอน เนื่องจากว่าทีมได้ยืนระยะมาได้ตลอดทั้งฤดูกาล ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่มีบิ๊กเนม แต่ทุกคนช่วยกันเล่นวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเข้าถึงบอลแบบถึงลูกถึงคนทุกจังหวะ ถือเป็นสไตล์อังกฤษแท้ ๆ ที่ยืนหยัดอยู่ได้ในปัจจุบัน แต่ละนัดชนะสกอร์ไม่เยอะ 1-0 หรือ 2-1 รวมจึงยิงไปได้แค่ 28 ประตูเท่านั้น มีเพียงแค่ 5 ทีมเท่านั้นที่ยิงได้น้อยกว่า แต่ให้มองเกมรับที่เสียไปแค่ 24 ประตู ทีมเดียวที่เสียมากกว่าคือ ลิเวอร์พูล 15 ประตู