วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565
เวลา : 02.00 น.
สนาม : สต๊าด เดอ ฟร๊องซ์, ปารีส (สนามกลาง)
ถ่ายทอดสด : beIN Sport 1(607)
อัตราต่อรอง : ลิเวอร์พูล ต่อ ครึ่งลูก
ความพร้อมล่าสุดของ ลิเวอร์พูล
เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่หงส์แดง พาทีมเปิดบ้านเอาชนะ วูล์ฟแฮมปตัน ได้ตามเป้า 3-1 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะคว้าแชมป์ลีกมาครอง ส่วนในถ้วยนี้ผ่านเข้ารอบชิงฯมาได้ด้วยการเอาชนะ บียาร์เรอัล แบบไปกลับด้วยสกอร์รวม 5-2
ความพร้อมเกมนี้มีข่าวดีเมื่อจะได้ทั้ง ฟาบินโญ่, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟิตกลับมาช่วยทีมได้แล้ว ส่วน ติอาโก้ อัลกันตาร่า นั้นต้องรอประเมินอาการบาดเจ็บอีกครั้งก่อนเกม ซึ่งมีสิทธิ์ชวดลงสนามสูง
การจัดทัพจะมาในระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตู อลีสซง เบ็คเกอร์ เฝ้าเสา แนวรับแบ็กขวาเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ส่วนฝั่งซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รับหน้าที่
คู่เซนเตอร์ฮาร์ฟ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ จะเบียด โฌแอล มาติ๊ป คืนตัวผนึกกำลังร่วมกับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ แผงมิดฟิลด์ ฟาบินโญ่ จะกลับยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับและดันเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขึ้นไปช่วย นาบี เกอิต้า บัญชาเกมรุก
สามประสานแดนหน้าวาง ซาดิโอ มาเน่ เป็นหน้าเป้าขนาบข้างด้วยสองปีกความเร็วสูงอย่าง หลุยส์ ดิอาซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงชาวมัมมี่
ความพร้อมล่าสุดของ เรอัล มาดริด
ราชันชุดขาว ภายใต้บังเหียนของ คาร์โล อันเชล็อตติ ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศมาด้วยการพลิกนรกเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ไปด้วยประตูรวม 6-5 ขณะที่ฟอร์มล่าสุดนั้นส่งท้ายซีซั่นในลีกด้วยการเจ๊ากับ เรอัล เบติส ไปแบบไร้สกอร์
สภาพทีมเกมนี้ อันเช่ ยืนยันแล้วว่า ดาวิด อลาบา กองหลังชาวออสเตรีย พร้อมกลับมาลงสนามได้แน่นอน รวมถึง แกเร็ธ เบล กับ เอแด็น อาซาร์ ที่คืนซ้อมเรียบร้อย
ภายใต้ระบบ 4-3-3 แนวรับตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟวาง ดาวิด อลาบา จับคู่ เอแดร์ มิลิเตา แดนกลางวางสามตัวเก๋าเจ้าประจำอย่าง โทนี่ โครส, เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ และ ลูก้า โมดริช คอยคุมเกมทั้งหมด
ตัวริมเส้นจะใช้บริการของสองดาวเตะจากแดนละตินอย่าง เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ และ วินิซิอุส จูเนียร์ ในการลากเลื้อย หน้าเป้าฝากความหวังไว้ที่ คาริม เบนเซม่า ดาวซัลโวประจำทัวร์นาเม้นต์นี้ที่ซัดไปแล้ว 15 ประตูลงล่าตาข่าย
สถิติ 5 นัดหลังสุด
ลิเวอร์พูล
22/05/22 ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-1
18/05/22 ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1
14/05/22 เสมอ เชลซี 0-0
11/05/22 ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1
08/05/22 เสมอ สเปอร์ส 1-1
เรอัล มาดริด
21/05/22 เสมอ เรอัล เบติส 0-0
16/05/22 เสมอ กาดิซ 1-1
13/05/22 ชนะ เลบันเต้ 6-0
09/05/22 แพ้ แอต.มาดริด 0-1
05/05/22 ชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-1
ผลงานที่พบกันนัดล่าสุด
ลิเวอร์พูล เสมอ เรอัล มาดริด 0-0
นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ ดิอาซ
เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์
เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, ดาวิด อลาบา, แฟร์กล็อง เมนดี้ – โทนี่ โครส, เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่, ลูก้า โมดริช – เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์
เทรนเนอร์ : คาร์โล อันเชล็อตติ
ผู้ตัดสิน : เกลม็องต์ ตูร์แปง (ฝรั่งเศส)
วิเคราะห์บอล
แม้ว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล จะดูเป็นต่อกว่าก็จริงทั้งเรื่องของสภาพทีมและระบบการเล่น แต่ด้วยความที่เป็น เรอัล มาดริด ยังไงก็มีทีเด็ดเสมอซึ่งเห็นได้จากที่ในรอบที่ผ่านๆมา และที่สำคัญนักเตะของมาดริดทุกคนเรียกว่าเจนสนามกันอยู่แล้ว เชื่อว่าเกมนี้น่าจะไม่จบที่ 90 นาที แน่นอน วาง ราชันชุดขาว เอาอยู่
ฟันธง : เสมอ 1-1
เกร็ดข้อมูลน่าสนใจ
– เดิมทีนั้นนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022 กำหนดเตะที่ สนาม เครสตอฟกี้ สเตเดี้ยม ในเมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ด้วยสภาวะสงครามของ รัสเซีย กับ ยูเครน ทาง ยูฟ่า จึงย้ายมาเตะกันที่ สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แทน
– เรอัล มาดริด คือทีมที่ได้แชมป์มากที่สุดในถ้วยใบนี้ 13 สมัย ส่วน ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์มาครองได้ 6 สมัย
– นี่เป็นการพบกันครั้ง 9 ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เรอัล มาดริด ในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยฝั่ง หงส์แดง ชนะได้เพียง 2 ครั้ง ส่วน ชุดขาว ชนะไปได้ 5 ครั้งและเสมอกันอีก 1 ครั้ง ในเกมล่าสุดที่ แอนฟิลด์ เมื่อปี 2021
– การเจอกันในรอบชิงที่สนาม สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ครั้งนี้เป็นการเจอกันในรอบชิงชนะเลิศเป็นหนที่ 3 ซึ่งครั้งแรกเป็น ลิเวอร์พูล ที่เอาชนะไปได้ 1-0 ในปี 1981 ส่วนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2018 เป็น เรอัล มาดริด ที่ล้างแค้นคืนไปที่ 3-1
– ชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศต่อทัพ ราชันชุดขาว ในปี 1981 ของ ลิเวอร์พูล นั้นเกิดขึ้นในกรุงปารีส เช่นเดียวกันกับสังเวียนรอบชิงหนนี้ แต่คราวนั้นแข่งกันที่สนาม ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์
– โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คว้าดาวซัลโวในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้หลังยิงไป 23 ลูกเท่ากับ ซน ฮึง-มิน ของสเปอร์ส รวมถึงคว้ารางวัลราชาแอสซิตส์ในลีก 13 ลูก
– คาริม เบนเซม่า ยิงในรายการนี้ไปแล้ว 15 ประตู ตามหลังสถิติตลอดกาลต่อหนึ่งฤดูกาลของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (17 ประตู) รวมถึงลุ้นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับ 3 ในรายการนี้ ปัจจุบันเขายิงไปแล้ว 86 ประตู เท่ากับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โดยตามหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 140 ประตู และ ลิโอเนล เมสซี่ 125 ลูก
– คาร์โล อันเชล็อตติ กำลังลุ้นคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุดตลอดกาลหลังจากปัจจุบันเขาได้ไป 3 ครั้งเท่ากับ บ๊อบ เพสลีย์ และ ซีเนอดีน ซีดาน