ประวัติ ลาซิโอ
สโมสรกีฬาที่ตั้งถิ่นฐานใน กรุงโรม แคว้นลัตซีโย ประเทศอิตาลี โดยในส่วนที่สร้างชื่อเสียงให้กับสโมสรมากที่สุดก็คือทีมฟุตบอล ทีมเจ้าของฉายา “เบียงโคเชเลสติ” หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า “อินทรีฟ้าขาว” ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1900 และใช้เวลาส่วนใหญ่ลงชิงชัยอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศมาโดยตลอด พวกเขาเคยได้แชมป์ลีกของประเทศ 2 ครั้ง (1974, 2000), แชมป์ โคปปา อิตาเลีย 6 สมัย และ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า อีก 4 ครั้ง นอกจากนี้ยังเคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อีกอย่างละสมัย
ลาซิโอ ประสบความสำเร็จในรายการระดับเมเจอร์ครั้งแรกเมื่อปี 1958 จากการชนะเลิศในฟุตบอลถ้วย ก่อนจะคว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้เป็นสมัยแรกในปี 1974 จนกระทั่งยุคปี 90 ที่ถือเป็นช่วงเวลาทองของพวกเขาอย่างแท้จริงจากการผ่านเข้าไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ ในปี 1998 และได้ครองถ้วยยุโรป 2 ใบในปี 1999 ก่อนจะมาคว้าแชมป์ลีกได้อีกในปี 2000 แต่จากวิกฤติทางด้านการเงินในปี 2002 ก็กลายเป็นสาเหตุที่บีบบังคับให้ แซร์โจ้ ครันญ็อตติ ประธานสโมสรในเวลานั้นต้องลาออกไปพร้อมกับการปล่อยตัวแข้งสตาร์เด่นออกไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้ผลงานในลีกของพวกเขาค่อย ๆถดถอยลง
แม้จะถูกรัดเข็มขัดในด้านของงบประมาณแต่ อินทรีฟ้าขาว กลับสามารถคว้าแชมป์ อิตาเลียน คัพ ได้ถึง 3 สมัยในปี 2004, 2009 และ 2013 ซึ่งก็ถือเป็นเครดิตของ เคลาดิโอ โลติโต้ ประธานสโมสรคนปัจจุบันที่ก้าวเข้ามาดำรงตำแหน่งนับตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งเป็นระยะเวลา 2 ปีหลังการจากไปของ ครันญ็อตติ ที่ได้ฝากสถานการณ์ที่ย่ำแย่เอาไว้
ชุดแข่งที่เป็นเอกลักษณ์ของทีมคือเสื้อสีท้องฟ้าที่มาพร้อมกับกางเกงและถุงเท้าสีขาว ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงชนชาติกรีก เชื้อสายดั้งเดิมของชาวโรมัน ก่อนที่ถุงเท้าสีฟ้าจะถูกเปลี่ยนมาใช้กับชุดแข่งทีมเหย้า ปัจจุบันพวกเขาลงเตะอยู่ใน สตาดิโอ โอลิมปิโก สนามเหย้าความจุ 70,643 ที่นั่ง ที่ใช้งานร่วมกับ โรม่า ไปจนถึงปี 2020 ก่อนที่ทีมคู่ปรับร่วมเมืองจะแยกตัวออกไปใช้สนาม สตาดิโอ เดลล่า โรม่า ของตนเอง แม้จากจุดเริ่มต้น ลาซิโอ จะไม่ได้มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับทีมกีฬาระดับอาชีพใด ๆก็ตาม แต่กลุ่มผู้ก่อตั้งสโมสรก็อนุญาตให้สมาชิกมีส่วนร่วมกับกิจกรรมด้านกีฬาต่าง ๆกว่า 40 ประเภท ซึ่งถือว่ามากที่สุดจากบรรดาสโมสรกีฬาทั่วทั้งโลก
เกียรติประวัติสโมสรลาซิโอ
ระดับประเทศ
- เซเรียอา
ชนะเลิศ (2): 1973–74 , 1999–00
- โกปปาอีตาเลีย
ชนะเลิศ (7): 1958, 1997–98, 1999–00, 2003–04, 2008–09, 2012–13, 2018–19
- ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา
ชนะเลิศ (4): 1998, 2000, 2009, 2019
- เซเรียบี
ชนะเลิศ (1): 1968–69
ระดับทวีปยุโรป
- ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ
ชนะเลิศ (1): 1998–99
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ
ชนะเลิศ (1): 1999
ผู้เล่นปัจจุบัน สโมสร ลาซิโอ
No. | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น |
1 | GK | แอลเบเนีย | โทมัส สตราโคช่า |
3 | DF | บราซิล | หลุยซ์ ฟิลิป ราโมส มาร์คี |
4 | DF | สเปน | ปาทริค |
5 | DF | เบลเยียม | จอร์แดน ลูกากู |
6 | MF | บราซิล | ลูกัส เลย์วา |
7 | MF | บราซิล | อังเดรอัส เปเรย์รา |
10 | MF | สเปน | หลุยส์ อัลเบร์โต้ |
11 | FW | อาร์เจนตินา | อังเกล คอร์เรีย |
15 | DF | แองโกลา | บาร์โตโลมิว จาซินโต้ ควิสซานก้า |
16 | MF | อิตาลี | มาร์โก ปาโรโล |
17 | FW | อิตาลี | ชีโร อิมโมบีเล |
19 | MF | บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | เซนาด ลูลิช |
20 | FW | เอกวาดอร์ | เฟลิเป้ ไคเซโด้ |
21 | MF | เซอร์เบีย | เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช |
24 | GK | เบลเยียม | ซิลวิโอ โปรโต |
26 | DF | โรมาเนีย | สเตฟาน ราดู |
33 | DF | อิตาลี | ฟรานเชสโก้ อแซร์บี |
34 | FW | เนเธอร์แลนด์ | บ็อบบี เอเดเคดานี |
49 | DF | โปรตุเกส | บาร์โตโลมิว จาซินโต้ ควิสซานก้า |
93 | DF | สโลวาเกีย | เดนิส วาฟโร่ |
ผู้จัดการทีม สโมสร ลาซิโอ
เกือบ 4 ปีแล้ว ที่ ซิโมเน อินซากี เข้ามารับงานการคุมทีม ลาซิโอ ต่อจาก สเตฟาโน่ ปิโอลี ที่โดนปลดออกจาตำแหน่งหลังทีม “เบียงโคเซเลสเต” พ่ายยับเยินต่อ อาแอส โรมา คู่ปรับร่วมเมืองแบบไร้ทางสู้ 1-4 นับจากวันนั้นมา อินทรีหลับแห่งกรุงโรมค่อย ๆ สยายปีกออกมาให้เห็น แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ทว่าพวกเขาเป็นอินทรีที่กำลังรอคอยแรงลมซึ่งจะเกื้อหนุนพวกเขาอีกครั้ง และดูเหมือนลมที่เรียกว่า “โชคชะตา” กำลังพัดพาใต้ปีกของอินทรีตัวนี้ให้บินสูงอยู่ในตอนนี้
ถ้าเทียบกับ ฟิลิปโป พี่ชายของเขาที่ยิงใน กัลโช เซเรีย อา ไปเกือบ 200 ประตู ซึ่งถือเป็นนักเตะระดับ “ตำนาน” คนหนึ่งของลีกอิตาลี ซิโมเน คือนักเตะดาด ๆ ที่ถูกชื่อของพี่ชายปกคลุมเสียมิด ตัวตนของเขาสมัยเป็นนักเตะไม่เป็นที่ถูกพูดถึงมากนัก แม้จะยิงประตูได้บ้างตามประสากองหน้า แต่ก็ไม่ใช่นักเตะที่จะมามีชื่อลุ้นดาวซัลโวได้เกือบทุกปีเหมือนพี่ของเขา อาจจะเพราะเขาไม่ได้มี “จมูก” ที่ไวราวกับเป็นญาณหยั่งรู้ว่าบอลจะมาตรงไหนเหมือนพี่เขาก็ได้
กลับกันในฐานะหัวหน้าโค้ช ฟิลิปโป ล้มเหลวเสียงดังกับทีม เอซี มิลาน ก่อนต้องเฟดตัวเองไปคุมทีมเล็ก ๆ อย่าง เวเนเซีย, โบโลญญา และ เบเนเวนโต ตามลำดับ เป็นจอมพเนจรเหมือนสมัยที่เขาค้าแข้งไม่มีผิด ทว่า ซิโมเน เหมือนขั้วตรงข้าม อยู่ยืน และ อยู่ยงกับสโมสร ลาซิโอ แห่งเดียวตั้งแต่เริ่มอาชีพกุนซือหลังจาก รีไทร์กับสโมสรแห่งนี้ ถ้านับรวมสมัยค้าแข้งเข้าไปด้วย นี่คือปีที่ 21 ของเขากับสโมสรเสื้อสีฟ้า-ขาว สโมสรนี้แล้ว และมันน่าจะเป็นปีที่เขาทำผลงานได้ดีที่สุดในฐานะกุนซืออีกด้วย
ผลงานไม่แพ้ใครใน 19 นัด หลังสุด ชนะไปได้ถึง 15 เสมอ 4 โดยพวกเขาเป็นเพียงสโมสรเดียวในศึก กัลโช เซเรีย อา ปีนี้ด้วย ที่เอาชนะทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส ได้ แถมเป็นการชนะแบบตามหลังไปก่อนทั้ง 2 นัดทำให้ตอนนี้พวกเขาแซงหน้าทีม “งูใหญ่” ขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงที่ 56 คะแนน นำยอดทีมจากมิลานอยู่ 2 แต้ม และจี้แชมป์เก่าจาก ตูริน เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ซึ่งถือเป็นโอกาสลุ้นไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ครั้งแรกในรอบ 5 ปี และยังเป็นการมีชื่นลุ้นแชมป์เต็มตัวครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 1999-2000 ด้วย
ผลงานทั้งหมดนี้ อาจไม้ได้มากจากชายที่ชื่อว่า ซิโมเน อินซากี ทั้งหมด แต่เขาสมควรได้รับเครดิตไม่มากก็น้อย ในการที่เข้ามาทำทีม “อินทรีฟ้าขาว” ให้ยิงใหญ่อีกครั้ง โดยฤดูกาลที่แล้ว เขาพาทีมคว้าแชมป์โกปา อิตาเลีย สำเร็จมาแล้วก่อนด้วย
ซิโมเน เป็นผู้ปฏิวัติ ลาซิโอ ในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งการปรับให้มีการดูเทปเพื่อศึกษาเกมมากขึ้นกว่าสมัยปิโอลี เขามีคำสั่งอย่างเด็ดขาดให้นักกีฬาเข้านอนเป็นเวลา และต้องมากินมื้อเข้าพร้อมกันที่สนามซ้อม เพื่อให้นักเตะได้รับโภชนาการในมื้อแรกของวันที่ครบถ้วน เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่เขาคืนชีพแผน 3-5-2 ให้กลับมาใช้เล่นงานคู่แข่งได้อีกครั้ง หลังแผนการเล่นนี้เหมือนตายไปแล้วในอดีต ถึงตรงนี้คงไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้วว่า สิ่งที่ ซิโมเน อินซากี ทำในฤดูกาลนี้ มันยอดเยี่ยมแค่ไหน และแม้ในช่วงต้นฤดูกาล พวกเขาจะตั้งความหวังไว้ที่การไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แต่ ณ ตอนนี้ชื่อว่า แฟน ๆ ในกรงโรมคงหวังมากกว่านั้น พวกเขาคงหวังถึง “สคูเด็ตโต” กันแล้ว และพวกเขาก็เชื่อมั่นว่าความหวังของพวกเขา เป็นไปได้เสียด้วย เชื่อมั่นในโค้ชคนนี้ โค้ชคนที่พา อินทรีฟ้าขาว กลับมาผงาดอีกครั้ง
ผู้สนับสนุนและศัตรูคู่อริ
ลาซิโอ คือสโมสรที่มีแฟนบอลซัพพอร์ทมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของประเทศและมากเป็นอันดับที่ 2 ของ กรุงโรม หรือคิดเป็นตัวเลขราว 2% จากจำนวนแฟนบอลชาวอิตาเลียนทั้งหมด Irriducibili Lazio คือกลุ่มแฟนบอลอุลตร้าที่ใหญ่ที่สุดของสโมสรโดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1987 พวกเขาคือกลุ่มกองเชียร์ที่คอยสร้างสีสันมากที่สุดระหว่างเกม ดาร์บี้ เดลล่า คาปิตาเล่ (Derby della Capitale) หรือ ดาร์บี้แห่งกรุงโรม โดยเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง ลาซิโอ และ โรม่า ที่ถือเป็นหนึ่งในเกมฟาดแข้งระหว่างทีมคู่อริที่ดุเดือดเลือดพล่านมากที่สุดในวงการลูกหนังทั่วโลกครั้งหนึ่งในเกมดาร์บี้ที่แสนจะร้อนระอุระหว่างซีซั่น 1979-80 วินเซนโซ่ ปาปาเรลลี่ คุณพ่อลูกสองวัย 33 ปีผู้เป็นแฟนบอลของ ลาซิโอ เสียชีวิตคาที่ระหว่างเกมจากการถูกพลุไฟฉุกเฉินที่จุดมาจากฝั่งกองเชียร์ โรม่า พุ่งปักเข้าที่เบ้าตา ในขณะที่กลุ่มอุลตร้าของ อินทรีฟ้าขาว ก็เคยใช้สัญลักษณ์สวัสดิกะประดับอยู่ในแผ่นป้ายแบนเนอร์เพื่อแสดงออกถึงการเหยียดผิวที่บรรดาผู้เล่นผิวสีของ หมาป่าแห่งกรุงโรม มักจะตกเป็นเป้าหมายมาโดยตลอด
นอกจากนี้ทั้ง นาโปลี, ลิวอร์โน่, เปสคาร่า และ อตาลันต้า ก็ถือเป็นทีมคู่แข่งที่สำคัญของพวกเขา และยังรวมไปถึง ฟิออเรนติน่า, ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน อีกด้วย อย่างไรก็ตามกลุ่มอุลตร้าของพวกเขากลับมีความสัมพันธ์อันดีกับบรรดากองเชียร์ของ อินเตอร์ มิลาน, ตริเอสติน่า และ เวโรน่า นอกจากนี้แฟน ๆของทีมก็ยังคงความเป็นมิตรสหายที่เกี่ยวดองกันมานานกับ เลฟสกี้ โซเฟีย ที่ครั้งหนึ่ง ลาซิโอ เคยถูกรับเชิญให้ไปลงเตะในแมตช์ฉลองครบรอบ 100 ปีของสโมสรจาก บัลแกเรีย