บียาร์เรอัล เป็นสโมสรฟุตบอลสเปน ในลาลิกา ในเมืองบิยาร์เรอัล จังหวัดกัสเตยอน เล่นในสนามกีฬาเหย้า สนามกีฬาเอลมาดริกัล ซึ่งมีที่นั่ง 25,000 ที่ นับว่าเป็นสโมสรขนาดเล็กในแง่ของการพูดถึงในสื่อมวลชนที่มักจะทำประตูไม่คาดฝันชนะสโมสรระดับใหญ่กว่าในลีก อย่างเรอัลมาดริด บาร์เซโลนา บาเลนเซีย เป็นต้น
ประวัติการก่อตั้งทีมสโมสรบียาร์เรอัล
สโมสรบียาร์เรอัล ถูกตั้งมาในวันที่ 10 มีนาคม 1923 เป็นเวลาเกือบ 100 ปีแล้ว ใช้ชื่อเต็มว่า Villarreal Club de Futbol , S.A.D. แต่ก็จะรู้จักทั่วไปว่าเป็นทีม Villarreal FC แบบสั้น ๆ ตั้งอยู่ที่เมืองบิยาเรอัล จังหวัดกัสเตยอน (Castellon) แม้ว่าจะยังไม่ประสบผลสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน แต่หลายรายการก็ทำได้ดีเกินคาด เริ่มมาเข้ารอบลึกได้หลายครั้ง แต่ยังไม่เก๋าพอ ทำให้ตอนนี้เป็นช่วงสะสมประสบการณ์เพื่อความสำเร็จ ทำให้สโมสรบียาร์เรอัล นี้กำลังเร่งเดินหน้าเพื่อนำถ้วยมาประดับสโมสร
ฉายาของสโมสรบียาร์เรอัล
บิยาร์เรอัล มีฉายาว่า El Submarino Amarillo หรือในภาษาอังกฤษ คือ Yellow Submarine ที่แปลได้ว่า “เรือดำน้ำสีเหลือง” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับเพลงที่ได้รับความนิยมของเดอะบีเทิลส์ โดยมีที่มาที่ไปมาจากเมื่อปลายยุคทศวรรษที่ 60 ขณะนั้นสโมสรอยู่ในระดับลีกภูมิภาค แล้วก็กำลังจะถูกเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในระดับดิวิชัน 3 มีบาทหลวงรูปหนึ่งซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสโมสร คิดจะหาสิ่งเชื่อมโยงระหว่างสโมสรกับบรรดาผู้สนับสนุน ขณะนั้นบิยาร์เรอัลมีกำหนดจะลงเล่นกับลิเวอร์พูล สโมสรระดับใหญ่ของอังกฤษ บาทหลวงรูปนี้ก็เลยได้เปิดเพลง Yellow Submarine ของเดอะบีเทิลส์ ซึ่งเป็นวงดนตรีที่มีเกิดในเมืองลิเวอร์พูล จากตู้เพลงในบาร์ในคืนวันที่มีการแข่งขัน ซึ่งสีเหลืองก็เป็นสีที่ตรงกับชุดแข่งขันของสโมสรด้วย ก็เลยกลายมาเป็นฉายามาจนถึงปัจจุบันนี้
สนามของสโมสรบียาร์เรอัล
สนามบียาร์เรอัล สร้างเมื่อ 17 เดือนมิถุนายน 1923 มีชื่อว่า Estadio de la Ceramica ตั้งอยู่ในเมืองของทีมบียาร์เรอัลเอง เป็นที่บริการของทางเทศบาลท้องถิ่น มีฝั่งที่ทอดยาวไปทางถนน Blasco Ibanez อาจจะไม่ได้ใหญ่มโหฬารมากมาย แต่ก็มีการเริ่มปรับที่นั่งให้มากขึ้น จนตอนนี้สามารถจุดได้ 24,890 ที่นั่ง เพื่อรองรับแฟนบอลทีมตัวเองและทีมอื่น เนื่องด้วยช่วงหลังพวกเขาทำผลงานในระดับยุโรปได้ดี และต้องเตรียมความพร้อมของสนามให้มากพอ เมื่อต้องผ่านเข้ารอบลึก ๆ และพบกับทีมใหญ่ ๆ ที่ต้องมีมาตฐานที่ดีขึ้นกว่าเดิม จากที่ยูฟ่าได้มีกฎเอาไว้ และสนามนี้เคยได้รับหน้าที่สำคัญ ๆ อาทิเช่นรอบ 4 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลถ้วยยุโรป และเป็นที่ลงฟาดแข้งของทีมชาติสเปนกับทางประเทศชิลี ในเดือนพฤศจิกายน 2008 มาแล้วด้วย
ตราสัญญาลักษณ์ของสโมสรบียาร์เรอัล
เริ่มต้นสโมสรด้วยชื่อ Deportivo Villarreal และการคิดโลโก้นี้ ใช้เรื่อยมาจนถึงปี 1923 ก่อนจะมีช่วงเว้นว่างไป 19 ปี จากการที่มีสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ในประเทศสเปน ทำให้ต้องยุติการแข่งขันลงไป
สำหรับสัญลักษณ์นี้ ทีมใช้ชื่อว่า Club Atletico Fogheteaz เริ่มใช้งานในปี 1942 โดยมีตัวย่อเป็นชื่อของผู้ก่อตั้งนั่นเอง โดยใช้สีเหลืองเข้ามาเป็นสีประจำทีม และใช้เรื่อยมาจนปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเดือน กรกฎาคม 1954 จากคณะกรรมการ ที่ลงความเห็นสำหรับในการปรับปรุงชื่อ CAF Villarreal มาใช้เป็น Villarreal CF ใช้งานในช่วงฤดูกาล 1954/55 ใช้สีเหลืองแซมสีแดงและมีมงกุฎตามฉบับทีมในประเทศสเปนที่นิยมใช้กัน
ใช้การเติมพื้นหลังสีฟ้าอมน้ำเงิน ทำให้โลโก้มีความพิเศษสวยทันสมัยขึ้น และเลือกใช้งานมาตั้งแต่ปี 1966/67 จนถึงปัจจุบัน และก็เป็นที่จดจำได้ดีของคอบอลกับรูปแบบนี้
ผู้สนับสนุนเสื้อประจำทีมสโมสรบียาร์เรอัล
1985 – 86 ใช้เสื้อรูปแบบเรียบง่าย พร้อมสปอร์เซอร์ Porcelanosa ที่หน้าอกสีน้ำเงิน
1998 – 99 ทีมเลือกใช้บริษัท Luanvi มาบริหารจัดการเสื้อแข่ง ใช้ Terra Mitica มาไว้กลางหน้าอกสนับสนุนทีม
1999 – 2004 เสื้อยังคงมี Terra Mitica เป็นสปอร์เซอร์หลักของทีม แต่ว่าทางการออกแบบเสื้อ ได้ทาง Kelme มาทำงานให้
2004 – 05 ทาง Kelme ยังผลิตชุดสำหรับการแข่งขัน และได้มีการปรับใช้สปอร์นเซอร์ใหม่ Aeroport Castello ที่เป็นสายการบิน
2005 – 2011 ทีมได้เซ็นกับทาง Puma สำหรับการรับผิดชอบเสื้อและก็ชุดของทีม มี Aeroport Castello ที่เซ็นยาวกับทีม เป็นผู้ให้การส่งเงินเข้าช่วยเหลือทีม แลกกับการพิมพ์ชื่อลงบนเสื้อหลายปี
2011 -13 Xtep จากจีนมาเป็นทีมงานทำเสื้อทีม แต่ไม่มีสปอร์เซอร์เข้ามาที่หน้าอก ทำให้เป็นเสื้อแบบโล่งอยู่ 2 ปี
2013 – 16 ทีมยังมีสัญญาอยู่กับ Xtep อยู่ และมีหน้าอกเป็น Pamesa Ceramica ที่เข้ามารับหน้าที่สนับสนุน
2016 – 17 เริ่มต้นเซ็นกับทาง Joma ผลิตภัณฑ์กีฬา และยังคงใช้ Pamesa Ceramica
Pamesa Ceramica เป็นตัวหนังสือที่หน้าอก และยังใช้อยู่รวมถึงฤดู 2018 ล่าสุดนี้ด้วย
รายชื่อนักเตะทีมบียาร์เรอัล
เบอร์เสื้อ | นักเตะ | ตำแหน่ง | สัญชาติ | อายุ |
1 | เซร์คิโอ อาเซนโฆ่ | ผู้รักษาประตู | สเปน | 31 |
13 | เคโรนีโม่ รูยี่ | ผู้รักษาประตู | อาร์เจนตินา | 28 |
18 | อัลเบร์โต้ โมเรโน่ | กองหลัง – แบ็คซ้าย | สเปน | 28 |
15 | เปร์วิส เอสตูปินญาน | กองหลัง – แบ็คซ้าย | เอกวาดอร์ | 22 |
21 | ฆัวเม่ คอสต้า | กองหลัง – แบ็คซ้าย | สเปน | 32 |
24 | อัลฟอนโซ่ เปดราซ่า | กองหลัง – แบ็คซ้าย | สเปน | 24 |
3 | ราอูล อัลบิโอล | กองหลัง – เซ็นเตอร์แบ็ค | สเปน | 35 |
22 | ซูเฟียน ชาคลา | กองหลัง – เซ็นเตอร์แบ็ค | โมร็อคโค | 27 |
4 | เปา ตอร์เรส | กองหลัง – เซ็นเตอร์แบ็ค | สเปน | 23 |
8 | ฮวน ฟอยธ์ | กองหลัง – เซ็นเตอร์แบ็ค | อาร์เจนตินา | 23 |
6 | รามิโร่ ฟูเนส โมรี่ | กองหลัง – เซ็นเตอร์แบ็ค | อาร์เจนตินา | 29 |
2 | มาริโอ กาสปาร์ | กองหลัง – แบ็คขวา | สเปน | 30 |
20 | รูเบน เปนญ่า | กองหลัง – แบ็คขวา | สเปน | 29 |
– | ซานติอาโก้ กาเซเรส | กองกลาง – มิดฟิลด์ตัวรับ | อาร์เจนตินา | 23 |
19 | ฟรานซิส โกเกอแล็ง | กองกลาง – มิดฟิลด์ตัวรับ | ฝรั่งเศส | 29 |
25 | เอเตียน กาปู | กองกลาง – มิดฟิลด์ตัวรับ | ฝรั่งเศส | 32 |
14 | มานู ตรีเกโรส | กองกลาง – มิดฟิลด์ตัวกลาง | สเปน | 29 |
5 | ดานี่ ปาเรโฆ่ | กองกลาง – มิดฟิลด์ตัวกลาง | สเปน | 31 |
10 | บิเซนเต้ อีบอร์ร่า | กองกลาง – มิดฟิลด์ตัวกลาง | สเปน | 32 |
23 | มอย โกเมซ | ตัวรุก – ปีกซ้าย | สเปน | 26 |
32 | Álex Baena | ตัวรุก – ปีกซ้าย | สเปน | 19 |
30 | Yéremi Pino | ตัวรุก – ปีกขวา | สเปน | 18 |
12 | ดาเนียล ราบา | ตัวรุก – ปีกขวา | สเปน | 25 |
11 | ซามูเอล ชุควูเซ่ | ตัวรุก – ปีกขวา | ไนจีเรีย | 21 |
7 | เคราร์ด โมเรโน่ | ตัวรุก – ตัวเป้า | สเปน | 28 |
17 | ปาโก้ อัลกาเซร์ | ตัวรุก – ตัวเป้า | สเปน | 27 |
9 | คาร์ลอส บัคก้า | ตัวรุก – ตัวเป้า | โคลอมเบีย | 34 |
34 | แฟร์นานโด นีโญ่ | ตัวรุก – ตัวเป้า | สเปน | 20 |
ผลงานการแข่งขันของทีมบียาร์เรอัล
ฤดูกาล | ดิวิชั่น | อันดับ | โกปาเดลเรย์ |
1947–48 | 2ªRegional | — | |
1948–49 | 2 ª Regional | — | |
1949–50 | 2 ª Regional | — | |
1950–51 | 2 ª Regional | — | |
1951–52 | 1 ª Regional | 7th | |
1952–53 | 1 ª Regional | 4th | |
1953–54 | 1 ª Regional | 2nd | |
1954–55 | 1 ª Regional | 2nd / 3rd | |
1955–56 | 1 ª Regional | 1st | |
1956–57 | 3 ª | 8th | |
1957–58 | 3 ª | 5th | |
1958–59 | 3 ª | 6th | |
1959–60 | 3 ª | 12th | |
1960–61 | 3 ª | 14th | |
1961–62 | 1 ª Regional | 14th | |
1962–63 | 1 ª Regional | 15th | |
1964–64 | 1 ª Regional | 6th | |
1964–65 | 1 ª Regional | 3rd | |
1965–66 | 1 ª Regional | 3rd | |
1966–67 | 1 ª Regional | 1st | |
1967–68 | 3 ª | 3rd | |
1968–69 | 3 ª | 9th | |
1969–70 | 3 ª | 1st | รอบสาม |
1970–71 | 2 ª | 16th | รอบ 32 ทีม |
1971–72 | 2 ª | 17th | รอบสี่ |
1972–73 | 3 ª | 12th | รอบสาม |
1973–74 | 3 ª | 12th | รอบสาม |
1974–75 | 3 ª | 8th | รอบสาม |
1975–76 | 3 ª | 13th | รอบสอง |
1976–77 | Regional | 2nd | |
1977–78 | 3 ª | 15th | รอบแรก |
1978–79 | 3 ª | 13th | รอบสอง |
1979–80 | 3 ª | 9th | รอบสาม |
1980–81 | 3 ª | 16th | รอบแรก |
1981–82 | 3 ª | 7th | |
1982–83 | 3 ª | 14th | |
1983–84 | 3 ª | 13th | |
1984–85 | 3 ª | 14th | |
1985–86 | 3 ª | 6th | |
1986–87 | 3 ª | 3rd | รอบสี่ |
1987–88 | 2 ªB | 2nd | รอบสอง |
1988–89 | 2 ªB | 4th | รอบแรก |
1989–90 | 2 ªB | 18th | |
1990–91 | 3 ª | 2nd | 1990–91 Copa del Rey#Second Round|รอบสอง |
1991–92 | 2 ªB | 2nd | รอบสอง |
1992–93 | 2 ª | 13th | รอบก่อนรองชนะเลิศ |
1993–94 | 2 ª | 16th | รอบห้า |
1994–95 | 2 ª | 10th | รอบสี่ |
1995–96 | 2 ª | 15th | รอบแรก |
1996–97 | 2 ª | 10th | รอบสาม |
1997–98 | 2 ª | 4th | รอบแรก |
1998–99 | 1 ª | 18th | รอบ 16 ทีม |
1999–00 | 2 ª | 3rd | รอบ 16 ทีม |
ผลงานเข้ารอบลึก ๆ ของทีมบียาร์เรอัล
- รองแชมป์ลาลีก้า : 2007-08
- ที่ 3 ลาลีก้า : 2004-05
- รองชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก : 2005-2006
- รองแชมป์ ยูโรป้า ลีก : 2003-04
ทำไมทีมบียาร์เรอัลถึงไม่ใช่ทีมที่หงส์แดงจะเชือดได้ง่าย ๆ
บียาร์เรอัล อาจจะดูเป็นสโมสรฟุตบอลที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง ดูไม่เก่งกาจ และก็เป็นเพียงแค่ทีมไม้ประดับในสายตาคนส่วนใหญ่ แต่ใครจะรู้ว่าสโมสรจากประเทศสเปนทีมนี้ไม่ใช่ทีมกระจอกๆที่คู่แข่งจะฉกแต้มจากพวกเขาได้ง่ายๆซึ่งอาจจะไม่เกินไปนักถ้าจะพูดว่า บียาร์เรอัล เป็นทีมที่ดีที่สุดที่เหลืออยู่ในศึกยูโรป้า ลีกฤดูกาลนี้
ปัจจุบันนี้ทีม “เยลโล่ ซับมารีน” รั้งอันดับที่ 4 ของตารางลาลีกา ประเทศสเปน และก็ กำลังทำอันดับเพื่อลุ้นไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในช่วงฤดูกาลหน้า ฤดูกาลนี้พวกเขาเป็นทีมที่มีเกมรับที่ดีเอามากๆโดยเฉพาะในลีกนั้นพวกเขาเสียประตูมากกว่า ทีม “ตราหมี” แอธเลติโก มาดริด และก็ทีม “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า เพียงแค่สองทีมเท่านั้น ซึ่งยักษ์ใหญ่จากประเทศสเปนอีกหนึ่งทีมอย่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เสียประตูมากกว่าพวกเขาอยู่ 1 ลูกในตอนนี้
ผู้คนมักจะถกเถียงกันว่า ลีกใดเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าคิดอย่างไร แต่ว่าในความเป็นจริงนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ในช่วงหลังลีกฟุตบอลของประเทศสเปนมีคุณภาพที่สูงขึ้นมาก โดยสามารถนับได้จากจำนวนทีมที่สามารถทะลุเข้าสู่รอบลึกๆของฟุตบอลสโมสรยุโรป ช่วงปีหลังๆที่ผ่านมา หรือหากคุณกำลังมองหาสถิติที่ยืนยันถึงเรื่องนี้ เท่าที่จำความได้ สโมสรจากประเทศสเปนสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 45 ครั้งจาก 48 ครั้ง ที่พบกับทีมคู่แข่งที่ไม่ใช่ทีมจากประเทศสเปน
บียาร์เรอัลเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน พวกเขาสามารถล้มทั้ง นาโปลี และ เลเวอร์คูเซ่นจนทะลุมาถึงรอบรองชนะเลิศยูโรป้า ลีกในช่วงฤดูกาลนี้ โดยงานต่อไปเป็นสิ่งที่ท้าทายพวกเขาเป็นอย่างมาก เมื่อจะต้องปะทะกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมดังจากเกาะอังกฤษ ซึ่งต้องติดตามกันว่าผลการแข่งขันจะจบอย่างไร แต่ก่อนหน้านั้นเรามาทำความรู้จักกับ เรื่องราวการกำเนิดของสโมสรบียาร์เรอัลแห่งนี้กันก่อนดีกว่า ซึ่งมันน่าสนใจมากเลยทีเดียว
สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1923 หรือเมื่อเกือบ 93 ปีที่แล้ว พวกเขาได้รับฉายาว่า “เรือดำน้ำสีเหลือง” อันมาจากสีเสื้อแข่งของพวกเขา และแม้จะก่อตั้งมานานแล้ว แต่สโมสรแห่งนี้เพิ่งจะได้ขึ้นมาเล่นลาลีกา ประเทศสเปนเมื่อปี 1998 เท่านั้น ซึ่งกว่าที่ทีมเรือดำน้ำจะได้ขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของแดนกระทิงดุนั้น ทีมลิเวอร์พูลก็กวาดแชมป์ยุโรปไปแล้วถึง 4 สมัย รวมถึงได้แชมป์ลีกอีก 19 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ภายในช่วงเวลาเพียงแค่ 5 ปีหลังจากที่พวกเขาขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของประเทศ บียาร์เรอัลก็มีโอกาสได้ไปลุยฟุตบอลถ้วยยุโรปและจากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็เป็นขาประจำของฟุตบอลรายการยุโรปทันที โดยเฉพาะปี 2007 พวกเขาทำผลงานอย่างดีเยี่ยมเมื่อสามารถทะลุเข้าถึงรอบลึกๆของฟุตบอลถ้วยยุโรป รวมถึงยังสามารถจบอันดับที่สองในศึกลาลีกาประเทศสเปนได้อีกด้วย แต่แล้วพอถึงปี 2012 พวกเขาต้องพบเห็นกับช่วงเวลาที่เลวร้าย เพราะนอกจากจะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 18 ทำให้ต้องร่วงตกชั้นแล้ว พวกเขายังต้องสูญเสีย มานูเอล เปรเซียโด้ กุนซือคนใหม่ ซึ่งเสียชีวิตจากโรคหัวใจวายกะทันหัน ทั้งๆที่เพิ่งจะรับงานได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ บียาร์เรอัลใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวก็สามารถคัมแบ็คสู่ลาลีกา ประเทศสเปนได้ทันที ซึ่ง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาตั้งแต่พวกเขากลับมาสู่ลีกสูงสุด ทัพเรือดำน้ำสามารถจบอันดับที่ 6 ได้ทั้งสองฤดูกาลรวมถึงยังคว้าโควตาไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้อีกด้วย
โค้ชคนปัจจุบันนี้ของทีมคือ มาร์เซลิโน่ เขามีส่วนสำคัญทำให้ทีมทำผลงานได้ดีเยี่ยม เพราะกุนซือชาวสเปนรายนี้มีไหวพริบ ความฉลาดและความเป็นผู้นำ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ มานูเอล เปเยกรินี่ อดีตกุนซือทีมเรือดำน้ำ
แผนการเล่นในปัจจุบันของทีมคือ 4-4-2 ซึ่งเป็นรูปแบบคล้ายกับทีม แอธเลติโก มาดริด โดยในปีนี้มีแค่แนวรับของลูกทีม ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เท่านั้น ที่ทำผลงานได้ดีกว่าเกมรับของทีมเรือดำน้ำ ทั้งสองทีมมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การให้กองกลาง 4 คนยืนบีบพื้นที่ให้แคบ รวมทั้งเน้นให้แผงแบ็คโฟร์ยืนให้ลึก และจะต้องอดทนรอ คอยใช้จังหวะสวนกลับ
ในการทำประตูคู่แข่ง สิ่งสำคัญที่ทำให้ทั้งสองทีมประสบความสำเร็จด้วยแผนการเล่นนี้คือ การที่นักฟุตบอลในทีมช่วยกันเล่นและทุกคนรู้จักหน้าที่ของตนเอง
บรูโน่ กัปตันทีมวัย 31 ปี คือหัวใจในแดนกลางของบียาร์เรอัล กองกลางตัวรับรายนี้เป็นผู้เล่นปิดทองหลังพระซึ่งมีบทบาทขับเกมในแดนกลาง รวมถึงยังมีการผ่านบอลที่มีประสิทธิภาพ เขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลประสบการณ์สูงไม่กี่คนในทีม เนื่องจากนักเตะชุดนี้เต็มไปด้วยผู้เล่นวัยหนุ่มซะเป็นส่วนใหญ่
ในทีมยังมีสองนักเตะฝีเท้าดีซึ่งเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของบาร์เซโลน่าด้วยคือ โจนาธาน โดส ซานโตส และ เดนิส ซัวเรส ทั้งสองเป็นตัวอันตรายของทีมคู่แข่งและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งซัวเรสนั้นฟอร์มดีจนถึงกับมีข่าวว่า ทีมเจ้าบุญทุ่มพร้อมที่จะดึงตัวกลับถิ่นคัมป์นูในช่วงซัมเมอร์นี้
แนวรุกมี เซดริก บาก็อมบู เป็นศูนย์หน้าตัวหลักของทีม ซึ่งสื่อชื่อดังของประเทศสเปนอย่าง มาร์ก้า ถึงกับยกย่องเขาว่าเป็น การเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาล เพราะแค่เพียงปีแรกที่เล่นในประเทศสเปน ดาวยิงผิวสีรายนี้ก็สามารถตะบันไปได้ถึง 22 ประตูรวมทุกรายการเลยทีเดียว โดยเขามีคู่หูในแดนหน้า เป็นอดีตนักเตะผู้ที่เคยล้มเหลวในพรีเมียร์ลีก อังกฤษอย่าง โรเบร์โต้ โซลดาโด้ ซึ่งกระหายที่จะพิสูจน์ตนเองในการเจอกับทีมจากอังกฤษอีกครั้ง
ดังนั้นเป็นที่แน่นอนว่าในเกมที่พวกเขาต้องพบกับ “หงส์แดง” ที่นำโดย เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือฝีมือดี การันตีได้เลยว่ามันจะต้องเป็นเกมที่สนุกสนานอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าทั้งสองทีมมีรูปแบบการเล่นที่น่าสนใจ มีการใช้พลังงานในการเล่นที่สูง รวมทั้งจะได้เห็นเกมเค้าเตอร์แอทแท็คอันน่าตื่นเต้นจากทั้งสองทีม
ถ้าหากทีม “เรือดำน้ำ” หวังที่จะเป็นแชมป์ฟุตบอลยูโรป้า ลีกในปีนี้ สิ่งแรกที่ลูกทีมของ มาร์เซลิโน่ จะต้องทำให้ได้คือ การล้ม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซึ่งกำลังยืนขวางทางของพวกเขาอยู่นั่นเอง