นอริช ซิตี้ เป็นสโมสรฟุตบอลอังกฤษอาชีพที่ตั้งอยู่ในเมืองนอริช นอร์ฟอล์ก โดยมีฉายาว่า “The Canaries, Yellows, The Citizens (ก่อน-1907) และมีฉายาในไทยว่า “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” โดยมีประธานสโมสรที่ชื่อ เดเลีย สมิธ และมีผู้จัดการทีมที่ชื่อ ดานีเอิล ฟาร์เคอ ที่เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวเยอรมันในตำแหน่งกองหน้า และปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของนอริช ซิตี้ ในอีเอฟแอลแชมป์เปียนชิป โดยที่เคยคุมทีมให้นอริช ซิตี้ ได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกหลังจบอีเอฟแอลแชมป์เปียนชิปในฤดูกาล 2018 – 2019
ประวัติความเป็นมา
สโมสรฟุตบอลนอริช ซิตี้ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 1902 โดยมีการประชุมที่คิเตเรียน คาเฟ่ หลังจากนั้นก็จะมีการประชุมย่อยกันอีกในวันที่ 2 กรกฎาคม 1902 โดยกลุ่มเพื่อนที่นำโดยอดีต 3 ผู้เล่นของนอริช ซีอีวายเอ็มเอส (Norwich CEYMS F.C. (CEYMS being an acroynm for Church of England Young Men’s Society) โรเบิร์ต เว็บสเตอร์, โจเซฟ คาวเปอร์และแบรด สเคลลี่[2][3] และได้เล่นแมทช์อย่างเป็นทางการครั้งแรกโดยพบกับ ฮาร์วิชแอนด์พาร์คสตัน ที่สนามนิวมาร์เก็ต โรด เมื่อวันที่ 6 กันยายน 1902
และในปี 1905 ทางสโมสรก็ได้เปลี่ยนจากสโมสรสมัครเล่นให้กลายเป็นองค์กรอาชีพตามมติของคณะกรรมการเอฟเอ และหลังจากนั้นไม่กี่ปี ทางสโมสรก็ได้ถูกเลือกให้ลงเล่นในเซาท์เทิร์น ลีก (Southern League) ประกอบกับผู้ชมที่เข้ามาชมเป็นจำนวนมากทำให้พวกเขาต้องย้ายจากสนามนิวมาร์เก็ต โรดไปสู่สนามเดอะเนสท์ในปี 1908 ซึ่งเคยเป็นเหมืองหินมาก่อน สำหรับฉายาของสโมสร
เดอะ คานารี่ส์ (Canaries) ฉายานี้ถูกตั้งโดยประธานสโมสร(ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการเพาะพันธ์นก Canaries) โดยขนานนามชื่อผู้เล่นของเขาว่า เดอะ คานารี่ส์ และเปลี่ยนสีชุดแข่งเป็นแถบสีเหลืองและเขียวแทน ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงที่การแข่งขันฟุตบอลถูกระงับและสโมสรต้องประสบกับภาวะหนี้สิน ทำให้สโมสรต้องเข้าสู่กระบวนการชำระหนี้โดยสมัครใจ (voluntary liquidation) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1917
และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1919 ทางสโมสรก็ได้ถูกก่อตั้งอย่างเป็นทางการ โดยที่มีบุคคลสำคัญคือ ชาร์ลส์ เฟรเดริก วัตลิ่ง ผู้ซึ่งต่อมาจะได้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองนอริชและเป็นบิดาของประธานสโมสรในอนาคตอย่าง เจฟฟรี่ วัตลิ่ง ในปี 1920 สมาพันธ์ฟุตบอลลีกได้จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชั่น 3 ขึ้นมา นอริชจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันในฤดูกาลนั้น
และตั้งแต่ปี 1935 ทางนอริชได้ลงเล่นสนามในบ้านของตัวเอง และมีคู่ปรับตลอดกาลแห่งภาคตะวันออกของอังกฤษอย่างอิปสวิชทาวน์ ซึ่งแมทช์แข่งขันดังกล่าวถูกเรียกว่า “อีสต์แองเกลียนดาร์บี” ซึ่งนอริชก็เป็นผู้ชนะในหนล่าสุดที่ทั้งสองเจอกันและถูกเรียกว่า “ไพรด์ออฟแองเกลีย” (Pride of Anglia) เพลงเชียร์ของบรรดาแฟน ๆ ของนอริชมีชื่อว่า “ออนเดอะบอลซิตี” (On the Ball, City) ถือว่าเป็นเพลงเชียร์ฟุตบอลที่เก่าที่สุดในโลกด้วย เป็นสโมสรฟุตบอลที่เล่นอยู่ในลีก อีเอฟแอลแชมป์เปียนชิป
ตราสัญลักษณ์ประจำทีม
เครื่องแต่งกายนักฟุตบอล
สนามแข่งของนอริช ซิตี้
ในช่วงปี 1902 – 1908 ทางสโมสรเคยใช้สนามนิวมาร์เก็ตโรด ซึ่งมีสถิติผู้เข้าชม 10,366 คน ในการแข่งเอฟเอ คัพ รอบที่สองในปี 1908 กับทีมเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ และในภายหลังได้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับเงื่อนไขในการเช่าสนามทางสโมสรจึงได้ย้ายปีใหม่ในปี 1908 ที่บริเวณเหมืองหินชอล์กเก่าที่โรซารี่ โรด
สนามแคร์โรว์โรด (Carrow Road) ซึ่งเป็นสนามเหย้าในปัจจุบัน ได้ถูกก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1935 โดยใช้เวลาสร้างเพียง 82 วัน และเปิดให้ใช้สนามในปีเดียวกัน เป็นสนามที่ตั้งอยู่ในเมืองนอริช ประเทศอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ สถานีรถไฟนอริชและแม่น้ำเวนซัม โดยที่มีขนาดของสนาม 114 x 74 หลา และจุผู้ชมได้ถึง 43,984 โดยมีที่นั่ง 27,244 ที่นั่ง
นักเตะชุดปัจจุบัน
เลข | ตำแหน่ง | สัญชาติ | ผู้เล่น |
1 | GK | ติม กรึล | |
2 | DF | แมกซ์ แอรอนส์ | |
3 | DF | แซม บายรัม | |
4 | DF | Ben Godfrey | |
5 | DF | แกรนต์ แฮนลีย์ (กัปตัน) | |
6 | DF | คริสท็อฟ ซิมเมอร์มัน | |
7 | MF | แพทริก รอเบิตส์ (ยืมตัวมาจากแมนเชสเตอร์ซิตี) | |
8 | MF | Mario Vrančić | |
10 | MF | Moritz Leitner | |
11 | MF | Onel Hernández | |
12 | DF | Jamal Lewis | |
14 | MF | Todd Cantwell | |
15 | DF | Timm Klose | |
17 | MF | Emi Buendía | |
18 | MF | Marco Stiepermann | |
19 | MF | Tom Trybull | |
20 | FW | Josip Drmić | |
21 | GK | Ralf Fährmann (ยืมตัวมาจากชัลเคอ) | |
22 | FW | ตีมู ปุกกี | |
23 | MF | Kenny McLean | |
24 | MF | Ibrahim Amadou (ยืมตัวมาจากเซบิยา) | |
27 | MF | Alexander Tettey | |
32 | FW | Dennis Srbeny | |
33 | GK | Michael McGovern | |
35 | FW | Adam Idah |
เกียรติประวัติของนอริช ซิตี้
บอลลีก
พรีเมียร์ลีก (ระดับ 1) อันดับ 3 (1992–93)
ลีกดิวิชั่น 2/แชมเปียนชิป (ระดับ 2)
แชมป์ (4) : 1971–72, 1985–86, 2003–04, 2018–19 รองแชมป์ (1) : 2010–11
ลีกดิวิชั่น 3/ลีกวัน (ระดับ 3) แชมป์ (2) : 1933–34, 2009–10 รองแชมป์ (1) : 1959–60
บอลถ้วย
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ (3): 1959, 1989, 1992
ฟุตบอลลีกคัพ
แชมป์ (2) : 1962, 1985
รองแชมป์ (2) : 1973, 1975
ผู้สนับสนุนหลักของสโมสรนอริช ซิตี้
Lotus รีแบรนด์โลโก้ใหม่พร้อมเป็น สปอนเซอร์ ให้กับสโมสรฟุตบอล นอริช ซึ่งไซมอน แคลร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาดโกลบอลจาก Lotus ได้เปิดตัวโลโก้ใหม่และให้การสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ และยังมีสนามซ้อม Lotus Training Centre
ความโดดเด่นของทีมสโมสรนอริช ซิตี้
ถึงแม้ว่าใคร ๆ จะมองว่าทีมนอริช ซิตี้เป็นทีมน้องใหม่ แต่ก็เป็นทีมน้องใหม่ที่มาแรง โดยเพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งฤดูกาลนี้ในฐานะทีมอันดับหนึ่งของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นก่อน จะต้องกลับลงไปวาดลวดลายในลีกรองเป็นทีมแรกหลังจากทำผลงานย่ำแย่จมอยู่อันดับบ๊วยของตารางตั้งแต่สัปดาห์ที่ 19 ของการแข่งขัน ยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยฟอร์มการเล่นของทัพนกขมิ้นในลีกฤดูกาลนี้ ทางนอริชได้ทำประตูไปน้อยที่สุด โดยทำได้เพียง 26 ประตู และยังเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในลีกควบคู่ไปด้วย คือเสียประตูไปถึง 67 ประตู จากความล้มเหลวไม่เป็นท่านี้เองที่เป็นสาเหตุสำคัญให้ทีมของ ดาเนียล ฟาร์เก้ ต้องจำใจกลับไปเริ่มต้นใหม่ในลีกรองอีกครั้งในซีซั่นหน้า
แต่ในฤดูกาลนี้ทางนอริช ซิตี้ก็ได้ให้กำเนิดดาวรุ่งที่มีแววจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะชื่อดังของวงการฟุตบอลได้หลายคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
- แม็กซ์ อารอนส์ แบ็คขวาดาวรุ่งในวัย 20 ปี และเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับคำชมค่อนข้างมากในปีนี้และยังได้รับการเรียกตัวโดย แกเร็ธ เซาธ์เกต ไปซ้อมกับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มาแล้วด้วย
- จามอล เลวิส แบ็คซ้ายในวัย 22 ปี ที่สามารถทำผลงานได้ค่อนข้างมีความโดดเด่นในเกมริมเส้นฝั่งซ้าย
- เบน ก็อดฟรีย์ เซ็นเตอร์แบ็คซึ่งเป็นตัวหลักในวัยเพียง 22 ปี และยังมีข่าวที่ว่าแอร์เบ ไลป์ซิก และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กำลังให้ความสนใจที่จะคว้าตัวไปร่วมทีมด้วย
ถึงแม้ว่าฟอร์มการเล่นโดยรวมจะดูไม่ดีแต่นักเตะเหล่านี้ก็สามารถสร้างผลงานส่วนตัวของพวกเขาขึ้นมาได้โดยจัดว่ามีความโดดเด่นเลยทีเดียว