เกมติดตาม รายงานผลฟุตบอล แบบเรียลไทม์

แทงบอลออนไลน์

แทงบอลออนไลน์


0 Shared

0 Pined

0 Shared

0 Shared

จอห์น สโตนส์ กุญแจสำคัญพา “เรือใบ” คว้าทริปเปิ้ลแชมป์

นาทีนี้ในโลกของฟุตบอลคงไม่มีประเด็นไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าการคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังพวกเขาปิดบัญชีเบียดชนะ อินเตอร์ มิลาน 1-0 ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกของสโมสร

ความสำเร็จครั้งนี้ไม่แปลกใจที่สื่อหลายสำนักจะประเคน “คำหวาน” ให้กับพวกเขา ไม่ว่าจะยกย่องเป็นสโมสรหมายเลข 1 ของโลก หรือแม้กระทั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ขึ้นชั้นตำนานกุนซือหลังพาทีมประสบความสำเร็จใน ยูซีแอล ได้สักทีโดยไม่ต้องใช้บริการสตาร์ดังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

นักเตะหลายคนก็ได้รับคำชมโดยเฉพาะสตาร์ดังอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หรือแม้กระทั่ง โรดรี้ ห้องเครื่องตัวเก่งที่เป็นฮีโร่ยิงประตูชัยในเกมนัดชิงชนะเลิศ จนถูกเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ของแชมเปี้ยนส์ลีก

อย่างไรก็ตามมีหนึ่งนักเตะที่อาจไม่ถูกพูดถึงมากนัก แต่ความจริงแล้วไม่ต่างอะไรกับผู้ปิดทองหลังพระ และการเปลี่ยนแปลงแท็กติกของเขากลายเป็น “กุญแจสำคัญ” ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลให้ทีมประสบความสำเร็จครั้งนี้

นักเตะคนดังกล่าวก็คือ จอห์น สโตนส์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ วัย 29 ปีที่เข้ามารับบทบาท “Hybrid Half-Back” หรือนักเตะที่ต้องเล่นทั้งกองหลังตัวกลางและมิดฟิลด์ตัวรับในเกมเดียวกัน

แม้ “เรือใบสีฟ้า” จะมีศูนย์หน้าตัวใหม่อย่าง ฮาแลนด์ ที่ทำประตูแบบถล่มทลาย ทว่าผลงานของทีมกับไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด โดยเฉพาะครึ่งฤดูกาลแรกที่แพ้ถึง 4 จาก 22 นัดในพรีเมียร์ลีก แถมตกรอบ 8 ทีมลีก คัพ ด้วยการแพ้พลิกล็อกต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-2

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มองว่า “inverted fullback” ไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเดิม มีจุดอ่อนในเกมรับเมื่อต้องเจอกับเกมโต้กลับที่อันตราย ทำให้เจ้าตัวมองหาแท็คติกใหม่ๆ ถึงขั้นยอมแยกทางกับ ชูเอา คันเซโล่ แบ็กซ้ายดีกรีแข้งทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก 2 ปีซ้อน

กุนซือชาวสแปนิช ลองผิดลองถูกกับ ริโก้ ลูอิส แบ็กขวาดาวรุ่งอยู่สักพักใหญ่ๆ แต่ก็ไม่ตอบโจทย์คำว่าสมบูรณ์แบบ

แมนฯ ซิตี้ มาเครื่องร้อนจริงๆ ก็ตอนปรับแท็กติกมาเล่นเกมรุกในระบบ 3-4-2-1 โดยให้ สโตนส์ รับบทตัวอิสระ คอยปรับตำแหน่งระหว่างเกม หากเล่นเกมรับจะยืนเซนเตอร์คู่กับ รูเบน ดิอาส แต่เมื่อต้องเล่นเกมรุกก็ดันสูงเป็นดูโอมิดฟิลด์กับ โรดรี้

ระบบนี้ทำให้เกมรับแน่นขึ้น ฟูลแบ็กไม่ใช่จุดอ่อนของทีมอีกต่อไป เพราะการสลับตำแหน่งจากเซนเตอร์ไปกองกลางตัวรับ รวมถึงการเปลี่ยนจากหลัง 4 มาเป็นหลัง 3 โครงสร้างของระบบและการเคลื่อนย้ายตำแหน่งมันสมดุลกว่าตอนใช้ “inverted fullback”

ยิ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกใช้ริมเส้นเป็น มานูเอล อคานยี่, ไคล์ วอล์คเกอร์, อายเมอริค ลาปอร์กตส์ และ นาธาน อาเก้ ที่เล่นได้ทั้งเซนเตอร์และฟูลแบ็ก แถมไม่ต้องเติมสูงมาก ยิ่งแทบไม่เปิดพื้นที่ให้คู่แข่งเล่นเกมโต้กลับใส่พวกเขาได้เลย

เชื่อหรือไม่ ? ตั้งแต่ใช้แท็คติกนี้และมีดาวเตะวัย 29 ปีออกสตาร์ตเป็น 11 คนแรก “เรือใบสีฟ้า” ไม่พบกับความปราชัยเลยแม้แต่นัดเดียว พรีเมียร์ลีก 8 เกมชนะรวด ส่วน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย รวมแล้ว 6 เกมชนะ 4 เสมอ 2

ภายใต้แท็กติกใหม่ “เรือใบสีฟ้า” เก็บคลีนชีตได้ถึง 8 จากทั้งหมด 20 นัดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

สโตนส์ ไม่ได้ขยับขึ้นมาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 6 เท่านั้น อย่างในเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เจ้าตัวเสมือนเล่นในบทบาทเบอร์ 8 เขายืนสูงกว่า อิลคาย กุนโดกาน เสียอีก แถมมีสถิติไม่ธรรมดาเลี้ยงผ่านถึง 7 ครั้ง มากที่สุดจากผู้เล่นทั้ง 2 ทีมในวันนั้น

“วันนี้ผมเล่นเป็นเบอร์ 8 มากกว่า ซึ่งผมชอบมาก” สโตนส์ กล่าวหลังเกมที่อิสตันบลู

การมาอยู่ทีมใหญ่อย่าง แมนฯ ซิตี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างสม่ำเสมอ ฤดูกาล 2019-20 ได้ลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แค่นัดเดียว ยิ่งซัมเมอร์ต่อมาทีมทุ่มเงินกว่า 100 ล้านปอนด์ดึง รูเบน ดิอาส กับ นาธาน อาเก้ เข้ามาเสริมทีม ทำให้เจ้าตัวตกเป็นข่าวว่าอาจย้ายออกจากเอติฮัด สเตเดี้ยม

“มันอาจเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพของผมเลย” สโตนส์ เคยกล่าวไว้เมื่อ 3 ปีก่อน

เมื่อไม่นานมานี้กองหลังทีมชาติอังกฤษ ก็ได้พูดถึงการถูกจับมาเล่นกองกลางตัวรับว่า “ผมต้องการพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ว่าผมสมควรอยู่ที่นี่ พิสูจน์ว่าผมดีพอ ผมแสดงให้ตัวเองเห็นว่าผมทำได้ บางทีอาจแสดงคุณสมบัติบางอย่างที่ผมเองก็ไม่อาจรู้ แต่ผู้จัดการทีมมองเห็น ท้ายที่สุดผมแค่พยายามทำให้เห็นว่าผมทำอะไรได้บ้าง”

การยกย่องนักเตะเพียงคนเดียวอาจไม่แฟร์สำหรับผู้เล่นคนอื่นๆ แต่มันปฎิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของ สโตนส์ คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประสบความสำเร็จผงาดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่

เรื่องนี้แม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็รู้ดี เมื่อภาพหลังจบเกมที่สนามอตาเติร์ก โอลิมปิก เราได้เห็นกุนซือสแปนิช เข้าไปโอบไหล่ จอห์น สโตนส์ ที่เต็มไปด้วยเหงื่อของความทุ่มเทตลอด 90 นาที

บทความที่น่าสนใจ