แฟนกีฬาในประเทศอังกฤษ เตรียมกลับเข้ามาชมการแข่งขันในสนามได้อีกครั้ง หลังจากรัฐบาลเมืองผู้ดี ประกาศยืนยันอนุญาตให้มีผู้ชมเข้ามาชมการแข่งขันได้สูงสุดถึง 10,000 คน นับตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคมเป็นต้นไป
จากการประชุมสภาเมื่อวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เปิดเผยเแผนที่จะให้แฟนกีฬาได้กลับมาชมเกมในสนามหลายรายการอย่างเช่นการแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ , ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป,เทนนิสวิมเบิลดัม และ รักบี้ชิงแชมป์โลก รวมทั้งการแข่งขันรายการอื่นๆ ภายในประเทศช่วงซัมเมอร์นี้
ด้วยเหตุนี้โรดแม็ปของรัฐบาลเมืองผู้ดีจะผ่อนปรน 4 มาตรการหลักในช่วงล็อกดาวน์ โดยเฉพาะการที่จะยอมอนุญาตให้แฟนกีฬากลับเข้ามาชมเกมแบบสดๆ ในสนามกลางแจ้ง และในร่ม โดยแผนนี้จะอยู่ในสเตปที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. และสเตปที่ 4ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน
สำหรับมาตรการตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. จะอนุญาตการแข่งขันกีฬาในร่มมีผู้เข้ามาชมได้สูงสุดไม่เกิน 1,000 คน หรือครึ่งหนึ่งของความจุในสนาม ส่วนกีฬากลางแจ้งอนุญาตให้มีแฟนกีฬาเข้าชมได้สูงสุดไม่เกิน 4,000 คน หรือครึ่งหนึ่งของความจุสนามอย่างไรก็ตามในกรณีที่สนามมีขนาดใหญ่มาก ยกตัวอย่างสนามเวมบลีย์ จะอนุญาตให้มีแฟนกีฬาเข้าชมการแข่งขันได้สูงสุดไม่เกิน10,000 ราย หรือ 1 ใน 4 ความจุสนาม
จากการประกาศโรดแม็ปครั้งนี้ส่งผลให้เกมนัดสุดท้ายศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งจะแข่งกันในวันที่ 23 พ.ค. จะได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอล ขณะที่เกมนัดชิง คาราบาว คัพ ระหว่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องลงแข่งในวันที่ 25 เม.ย.ยังคงต้องแข่งในสนามเปล่าเหมือนเดิม
สำหรับการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึก เอฟเอ คัพ ซึ่งตามโปรแกรมระบุว่าจะลงแข่งขันวันที่ 15 พ.ค. ก่อนกำหนดการอนุญาตให้แฟนบอลเข้าสนาม 2 วัน อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่เกมนี้อาจจะถูกนำมาใช้เป็นนัดแรกของการทดสอบให้แฟนบอลเข้าชมก็เป็นได้